เครื่องมือตรวจสอบ FLoC

FLoC ของ Google (Federated Learning of Cohorts) กำลังได้รับการทดสอบบนเครือข่ายเบราว์เซอร์ Chrome ขนาดใหญ่ ตรวจสอบว่าเบราว์เซอร์ของคุณกำลังถูกติดตามด้วยเทคโนโลยีใหม่นี้หรือไม่

FLoC คืออะไร

FLoC ย่อมาจาก “federated learning of cohorts” นี่เป็นวิธีการใหม่ในการนำเสนอโฆษณาที่ตรงเป้าหมายให้กับผู้ใช้ซึ่งป้องกันไม่ให้ผู้ลงโฆษณาและเว็บไซต์สร้างโปรไฟล์ผู้ใช้โดยละเอียด FLoC ใช้อัลกอริทึมในการสร้าง “กลุ่มผู้ใช้งาน” กลุ่มผู้ใช้งานคือผู้ใช้งานหลายพันคนที่มีกิจกรรมการใช้งานอินเตอรเน็ตที่คล้ายกัน ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถปรับแต่งโฆษณาให้เหมาะกับกลุ่มผู้ใช้แทนที่จะเป็นผู้ใช้เฉพาะเจาะจง

Google เปิดตัว FLoC ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่ม “Privacy Sandbox” ในปี 2019 ความคิดนี้เป็นการพยายามในการป้องกันไม่ให้ Chrome ยอมรับคุกกี้ของบุคคลที่สาม ปิดกั้นสะกดรอยเบราว์เซอร์และทำให้ Google Chrome เป็นแหล่งข้อมูลสำหรับผู้โฆษณาน้อยลง แต่ว่า FLoC ยังคงติดตามกิจกรรมของผู้ใช้และยังให้ข้อมูลมากมายแก่ผู้ลงโฆษณา

FLoC ทำงานได้อย่างไร

FLoC ใช้อัลกอริทึมที่เรียกว่า “SimHash” เพื่อกำหนดรหัสกลุ่มผู้ใช้งานสัปดาห์ละครั้งตามกิจกรรมการใช้งานของคุณ FLoC กำหนดรหัสกลุ่มผู้ใช้งานของคุณในอุปกรณ์ ซึ่งจะป้องกันไม่ให้ Google รับข้อมูลการใช้งานทั้งหมดของคุณ ดังนั้นจำเป็นต้องมีการกำกับดูแลจาก Google เพื่อให้แน่ใจว่ากลุ่มผู้ใช้งานนี้มีขนาดที่เหมาะสมและ Google อ้างว่าอัลกอริทึมการกำกับดูแลของพวกเขาจะปิดบังข้อมูลของคุณ เมื่อกำหนดรหัสกลุ่มผู้ใช้งานแล้ว ระบบจะแสดงต่อสาธารณะโดยใช้ Javascript API ทำให้นักการตลาดบุคคลที่สามสามารถให้บริการโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของคุณได้

มีการยืนยันว่ากลุ่มผู้ใช้งานเหล่านี้มีความหลากหลายเพียงพอที่จะ “ซ่อนผู้ใช้ในฝูงชน” แต่มีเป้าหมายเพียงพอเพื่อให้ผู้ลงโฆษณาสามารถแสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้อง Google จึงหวังที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับทั้งผู้ลงโฆษณาและผู้ใช้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว

FLoC ติดตามข้อมูลอะไรบ้าง

FLoC ได้รับการออกแบบมาเพื่อติดตามกิจกรรมการใช้งานทั้งหมดของคุณ ไม่ว่าคุณจะเข้าชมเว็บไซต์ใด ใช้เวลานานเท่าไหร่ในเว็บไซต์และวิธีที่คุณโต้ตอบกับเว็บไซต์เหล่านั้น ยังไม่มีความชัดเจนว่าข้อมูลใดที่ FLoC แบ่งปันกับ Google เพื่อให้แน่ใจว่าคุณอยู่ในกลุ่มผู้ใช้งานที่เหมาะสมและขนาดที่ถูกต้อง แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ FLoC จะมองเห็นได้บนเว็บไซต์ใด ๆ ที่คุณเยี่ยมชม และเนื่องจากกลุ่มผู้ใช้งานแต่ละกลุ่มมีผู้ใช้เพียงไม่กี่พันคน บุคคลที่สามจึงยังสามารถระบุตัวตนของคุณได้โดยใช้เทคนิคสะกดรอยตามเบราว์เซอร์ต่าง ๆ ได้

ฉันสามารถปิด FLoC ได้อย่างไร

ตอนนี้ยังไม่มีวิธีปิดใช้งาน FLoC แต่คุณสามารถเลือกปิดใช้งานคุกกี้ของบุคคลที่สามใน Chrome ได้ โดยคลิกที่จุดสามจุดที่มุมขวาบนของเบราว์เซอร์จากนั้นเลือก “การตั้งค่า” > “ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย” > “คุกกี้และข้อมูลอื่น ๆ ของเว็บไซต์” > “บล็อกคุกกี้ของบุคลที่สาม” วิธีนี้จะปิด FLoC แต่อาจทำให้เว็บไซต์ทำงานผิดพลาดและป้องกันไม่ให้จดจำการตั้งค่าที่เป็นประโยชน์บนเว็บไซต์ที่คุณเข้าชมเป็นประจำ

วิธีที่เร็วที่สุดในการปิดใช้งาน FLoC (และกลยุทธ์การรวบรวมข้อมูลทั้งหมดของ Google) คือใช้งานเบราว์เซอร์ที่มีความปลอดภัยมากกว่าและใช้เครื่องมือค้นหาที่เน้นความเป็นส่วนตัวเช่น DuckDuckGo หากคุณยังต้องการใช้ Chrome การใช้ VPN จะช่วยปกปิดหมายเลข IP ของคุณและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานอินเตอร์เน็ต

คำถามที่พบบ่อย

ทำไม Google ถึงใช้งาน FLoC

เนื่องจากอินเทอร์เน็ตกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเรา ผู้สนับสนุนจึงกดดันบริษัทใหญ่ ๆ เช่น Google ให้ปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ การเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวที่มีความสำคัญที่สุดคือการดำเนินการตาม GDPR ของสหภาพยุโรป (ระเบียบการปกป้องข้อมูลทั่วไป) ซึ่งเป็นชุดของกฎหมายที่ทำให้การติดตั้งคุกกี้บนเบราว์เซอร์ของผู้ใช้ผิดกฎหมายหากไม่ได้รับความยินยอม ในเดือนเมษายนปี 2021สหภาพยุโรปได้เริ่มกำหนดกฎระเบียบด้าน ePrivacy อย่างเป็นทางการซึ่งจะขยายการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวที่กำหนดโดย GDPR

แรงกดดันจากสาธารณะและทางกฎหมายทั้งหมดนี้ทำให้ Google ต้องหาวิธีที่ดีกว่าในการช่วยเหลือผู้ลงโฆษณาบุคคลที่สามในการแสดงโฆษณาที่ตรงเป้าหมาย FLoC พยายามสร้างสมดุลระหว่างความต้องการความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้กับความต้องการของผู้ลงโฆษณาดิจิทัลที่ต้องการรู้ข้อมูลเกี่ยวกับคุณมากพอในการแสดงโฆษณาที่ตรงเป้าหมาย

FLoC มีภัยคุกคามต่อความปลอดภัยหรือไม่

แนวคิดของ Google FLoC คือผู้โฆษณาจะยังคงสามารถส่งโฆษณาที่ตรงเป้าหมายให้คุณได้ แม้ว่าข้อมูลประจำตัวส่วนบุคคลของคุณจะ "หายกลืนไปในกลุ่มผู้ใช้งาน" ของผู้ใช้ที่มีรหัสกลุ่มผู้ใช้เดียวกัน อย่างไรก็ตามวิธีการนี้ยังมีปัญหาด้านความปลอดภัยอยู่

  • การสะกดรอยตามเบราเซอร์ ด้วยการจำกัดรหัสกลุ่มผู้ใช้งานของคุณให้แคบลงก็สามารถระบุตัวตนของคุณได้โดยการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปลั๊กอิน ส่วนขยาย ค่ากำหนดและการตั้งค่าของ Chrome พร้อมกับหมายเลข IP ของคุณ
  • การเลือกปฏิบัติการโฆษณา Google อ้างว่า FLoC จะกรองเว็บไซต์และการค้นหาที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ เช่น เชื้อชาติ เพศวิถีและศาสนาออก เพื่อให้ผู้ลงโฆษณาไม่สามารถเลือกปฏิบัติการแสดงโฆษณาได้ แต่ Google ล้มเหลวในการป้องกันการเลือกโฆษณาหลายครั้งในอดีตและไม่มีสิ่งใดในเอกสารไวท์เปเปอร์ของ FLoC ที่ชี้ให้เห็นว่าสิ่งนี้จะมีการเปลี่ยนแปลง
  • ความผิดพลาดในการรักษาความปลอดภัย แม้ว่า FLoC จะทำให้ผู้ลงโฆษณาบุคคลที่สามระบุตัวตนของคุณได้ยากขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้ป้องกันไม่ให้ Google รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลบน Google Search, YouTube หรือบริการอื่น ๆ ของ Google นอกจากนี้ Google จะตรวจสอบข้อมูลอย่างต่อเนื่องและจัดกลุ่มผู้ใช้ ทำให้ Google สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมากได้ต่อไป

การใช้งาน FLoC บนเบราว์เซอร์วสามารถจัดกลุ่มผู้ใช้งานได้อย่างไร

FLoC จะรวบรวมข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ทุกสัปดาห์และป้อนข้อมูลนั้นไว้ในอัลกอริทึมที่เรียกว่า “SimHash” SimHash ทำงานในเบราว์เซอร์ของคุณ (ป้องกันไม่ให้ Google วิเคราะห์กิจกรรมทั้งหมดของเบราว์เซอร์ของคุณโดยตรง) และกำหนดรหัสกลุ่มผู้ใช้งานตามเกณฑ์ที่มีอยู่แล้วภายใน

แต่ในปัจจุบัน Google ใช้ศูนย์กลางข้อมูลในการวิเคราะห์ขนาดและประชากรของกลุ่มผู้ใช้งานโดยคอยแทรกแซงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่ากลุ่มผู้ใช้งานมีขนาดที่เหมาะสมและมีการกระจายอายุ เพศ ชาติพันธุ์และลักษณะอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสม ข้อมูลผู้ใช้ควรจะไม่ระบุตัวตนได้ก่อนที่จะวิเคราะห์โดยบริการส่วนกลางนี้ แต่มีปัญหาสำคัญมากมายที่เกิดขึ้นกับข้อมูลที่ระบุตัวบุคคลจำนวนมาก ซึ่งสามารถรวบรวมได้จากชุดข้อมูลที่ "ไม่ระบุตัวตน"

เว็บไซต์สามารถเลือกที่จะไม่ใช้ FLoC ได้หรือไม่

ได้ แม้ว่าเว็บไซต์ทั้งหมดที่ให้บริการโฆษณาของบุคคลที่สามจะมี FLoC อยู่ในนี้โดยโดยอัตโนมัติ แต่การเลือกไม่ให้มันเก็บข้อมูลนั้นทำได้ค่อนข้างง่าย ผู้ดูแลเว็บสามารถเพิ่ม HTTP ต่อไปนี้ในส่วนหัวของหน้าเพจได้:

  • Permissions-Policy: interest-cohort=()