รีวิว McAfee: สรุปย่อโดยผู้เชี่ยวชาญ
McAfeeให้การตรวจจับมัลแวร์แบบเรียลไทม์ที่ยอดเยี่ยมพร้อมกับการป้องกันเว็บที่ดีที่สุดในราคาที่ไม่แพง นอกจากนี้ McAfee ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์เสริมมากมาย และก็สามารถรองรับได้ถึง 10 อุปกรณ์ (มากกว่าที่คู่แข่งส่วนใหญ่รองรับ)
เครื่องสแกนแอนตี้ไวรัสของ McAfee ได้คะแนนการตรวจจับมัลแวร์ที่น่าประทับใจมากถึง 100% ในการทดสอบทั้งหมดของฉันในอุปกรณ์ Windows, Mac, Android และ iOS มันสามารถระบุและบล็อกทั้งมัลแวร์แบบธรรมดาและซับซ้อน รวมถึงไวรัส โทรจัน สปายแวร์ แรนซัมแวร์ และ cryptojacker
McAfee ยังมีฟีเจอร์มากกว่าแอนตี้ไวรัสอื่น ๆ ส่วนใหญ่ ได้แก่:
- ไฟร์วอลล์และการป้องกันเครือข่าย Wi-Fi
- การป้องกันการฟิชชิ่ง
- เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN)
- เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
- เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
- การควบคุมของผู้ปกครอง
- การป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล
- พื้นที่เก็บข้อมูลที่ปลอดภัย
- และอื่น ๆ อีกมากมาย…
ส่วนใหญ่แล้ว คุณสมบัติของ McAfee ก็ทำได้ตามที่สัญญาเอาไว้ — Web Advisor สามารถบล็อกเว็บไซต์และเอ็กซ์พลอยต์ได้มากกว่าความปลอดภัยที่ติดมาในตัวของ Chrome และ Firefox เราคิดว่ามันดีกว่าการป้องกันที่คล้ายกันของคู่แข่งระดับพรีเมียมอย่าง TotalAV และ Avira.
อย่างไรก็ตาม บางสิ่งบางอย่างก็น่าจะพัฒนาได้ดีกว่านี้ เราไม่ชอบที่การสแกนมัลแวร์เต็มรูปแบบทำให้ความเร็วของระบบตก VPN ก็น่าจะพัฒนาได้มากกว่านี้ด้วย (เราอยากเห็นการแยกอุโมงค์สำหรับ Windows) แต่มันก็ยังถือว่าเป็นหนึ่งใน VPN แบบบันเดิลมากับโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดอยู่
โดยรวมแล้ว McAfee นั้นเป็นหนึ่งในโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุด มันมีตัวสแกนไวรัสคุณภาพสูง มีคุณสมบัติความปลอดภัยที่หลากหลาย และก็ใช้งานง่าย คุณสามารถเลือกได้ระหว่างแผนแบบ 1 ปีหลายแบบ (หรือแผน 2 ปีสำหรับ McAfee Essential) ที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะปกป้องอุปกรณ์ได้ไม่จำกัดจำนวนเครื่อง McAfee มีการรับประกันคืนเงิน 30 วันสำหรับทุกแผน ดังนั้นคุณจึงสามารถลองใช้ได้อย่างไม่มีความเสี่ยงเลย
อัปเดตมิถุนายน 2025: พวกเราได้ทำการทดสอบ McAfee กับคุณสมบัติทั้งหมดของมันใหม่อีกครั้ง และก็ได้อัปเดตรีวิวของเราด้วยข้อมูลล่าสุด และอัปเดตข้อมูลการเปรียบเทียบกับคู่แข่งบางราย เพื่อสะท้อนให้เห็นสภาพการณ์ปัจจุบันของอุตสาหกรรมแอนตี้ไวรัส
รีวิวตัวเต็ม McAfee
McAfee เป็นชุดป้องกันมัลแวร์ระดับพรีเมียมที่มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยมากมาย ฉันใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ในการทดสอบการรักษาความปลอดภัยของ McAfee ใน PC, MacBook Pro, Samsung Galaxy และ iPhone ของฉันและฉันรู้สึกประทับใจกับประสิทธิภาพการทำงานในทุก ๆ ด้านของพวกเขามาก (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบริการนำเสนอฟีเจอร์พิเศษมากกว่าคู่แข่งเกือบทุกราย)
McAfee เป็นหนึ่งในโปรแกรมแอนตี้ไวรัสชั้นนำ ในปี 2025 — มันมีความเสถียรมาก ใช้งานง่าย และก็สามารถครอบคลุมได้ตั้งแต่ 5 อุปกรณ์ไปจนถึงไม่จำกัดจำนวน (ซึ่งก็มีแอนตี้ไวรัสน้อยรายมากที่จะมีให้แบบนี้)

ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยของ McAfee
การสแกนไวรัส
การสแกนเต็มรูปแบบของ McAfee ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง — นี่ก็เทียบเท่ากับคู่แข่งอย่าง Bitdefender แต่จะช้ากว่า Norton ซึ่งใช้เวลาเพียง 45 นาทีในการทดสอบของเรา เราได้ลองใช้การสแกนอย่างเร็วของ McAfee ด้วย ซึ่งก็ใช้เวลาเพียงแค่ 2 นาทีเท่านั้น และการสแกนแบบปรับแต่งเองก็จะมีระยะเวลาขึ้นกับชนิดของไฟล์ที่เราเลือกสแกน
ตัวสแกนของ McAfee ทำให้ความเร็วของระบบตกไปเล็กน้อย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เราไม่ชอบ ระหว่างที่เราสแกนคอมพิวเตอร์มันก็ทำงานช้ากว่าปกติ — เรายังสามารถดูเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ต ใช้โปรแกรม Word ได้ แต่การจะดูวิดีโอหรือจะเล่นเกมนี่ ลืมไปได้เลย โชคยังดีที่ McAfee นั้นให้คุณตั้งเวลาสแกนได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ ดังนั้นคุณจะสามารถตั้งเวลาสแกนระบบอย่างเต็มรูปแบบในตอนที่คุณจะไม่ใช้คอมพิวเตอร์ได้ เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับคู่แข่งอย่าง TotalAV เนื่องจากการสแกนของมันจะไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบเลย
โดยรวมแล้ว ตัวสแกนไวรัสของ McAfee นั้นก็เป็นหนึ่งในตัวสแกนที่ดีที่สุด ถ้าคุณกำลังมองหาการปกป้องภัยอันตรายทั้งแบบที่เป็นที่รู้จักและแบบ zero-day อยู่ McAfee ก็เป็นตัวเลือกที่ดี มันมีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่สมบูรณ์แบบ สแกนเร็ว และก็ตั้งเวลาสแกนได้ง่าย เรื่องเดียวที่เราอยากจะติก็คือ ตัวสแกนไวรัสของมันทำให้คอมพิวเตอร์ของเราทำงานช้าในขณะที่ทำการสแกนเต็มรูปแบบ แต่คุณก็สามารถตั้งเวลาสแกนในช่วงกลางคืนหรือช่วงที่คุณไม่ได้ใช้คอมพิวเตอร์ได้อย่างง่ายดาย
ไฟร์วอลล์
ไฟร์วอลล์ของ McAfee นั้นทรงพลัง ใช้งานง่ายและปรับแต่งได้สูง — แต่ถ้าคุณไม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี โปรแกรมก็ใช้งานได้ดีแม้ไม่ได้ทำการปรับแต่งใด ๆ
ในการทดสอบของฉัน McAfee สามารถตรวจพบภัยคุกคาม รวมถึงการบุกรุกเครือข่าย การโจมตีจุดอ่อนในระบบและมัลแวร์ที่พยายามสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล การป้องกันไฟร์วอลล์ของ McAfee นั้นแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากกว่าไฟร์วอลล์ในตัวจาก Windows และ macOS
ไฟร์วอลล์ของ McAfee มีความสามารถด้านความปลอดภัยมากมาย — ตัวอย่างเช่น McAfee อนุญาตให้ผู้ใช้:
- ตัดสินใจว่าโปรแกรมใดบ้างที่สามารถเข้าถึงเว็บได้
- เปิดและปิดพอร์ตเฉพาะเครือข่าย
- เลือกระดับความเข้มงวดการป้องกันเครือข่ายที่แตกต่างกัน 4 ระดับ
- ปรับการตั้งค่าความน่าเชื่อถือสำหรับเครือข่ายที่บันทึกไว้
- เปิดใช้งานการตรวจจับการบุกรุกซอฟต์แวร์
- โปรแกรมที่อนุญาตพิเศษ
ฉันชอบตัวเลือกที่หลากหลายที่ไฟร์วอลล์ของ McAfee มีให้ — แต่ผู้ใช้ที่ไม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีก็สามารถตั้งค่าไฟร์วอลล์ให้บล็อกกิจกรรมที่น่าสงสัยโดยอัตโนมัติได้โดยที่แทบไม่มีการตั้งค่าใด ๆ จากผู้ใช้เลย
สิ่งเดียวที่ฉันไม่ชอบเกี่ยวกับไฟร์วอลล์ของ McAfee คือบันทึกของพวกเขาไม่มีรายละเอียดมากพอ— McAfee จะบอกคุณว่ากิจกรรมเครือข่ายใดที่ถูกบล็อก แต่ไม่ได้บอกคุณว่าทำไมการรับส่งข้อมูลบางประเภทจึงถูกบล็อกหรือคุณควรทำอะไรกับมัน (นอกเหนือจากการติดตั้ง McAfee ไว้)
ไฟร์วอลล์ของ McAfee ให้การปกป้องเครือข่ายที่ทันสมัยผู้ใช้ — ฉันชอบเครื่องมือบล็อกโปรแกรม การป้องกันการบุกรุกเครือข่ายและการตั้งค่าขั้นสูงสำหรับผู้ใช้ที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ฉันต้องการให้เห็นการวินิจฉัยของ McAfee เพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับภัยคุกคามที่ตรวจพบเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่บริการนี้ก็ยังเป็นหนึ่งในไฟร์วอลล์ที่ดีที่สุดที่ฉันเคยใช้ใน 2025
VPN (เครือข่ายส่วนตัวเสมือน)
McAfee Safe Connect VPN นั้นใช้งานง่าย การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็มีความเร็วสูงมาก และก็เหมาะสำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วไป เช่นการท่องเว็บและก็การสตรีมมิ่ง
VPN จะนำทางข้อมูลการใช้งานของคุณผ่านเซิร์ฟเวอร์ที่ปลอดภัย ซึ่งจะเข้ารหัสและซ่อนข้อมูลการใช้งานของคุณ เซิร์ฟเวอร์ที่มีความปลอดภัยนี้จะช่วยปิดบังที่อยู่ IP ของคุณด้วยเพื่อทำให้เหมือนกับว่าคุณเชื่อมต่อมาจากที่อื่น ตัวอย่างเช่น หากคุณอาศัยอยู่ในอเมริกาและเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในอังกฤษ คุณจะได้รับหมายเลข IP ของอังกฤษ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้เหมือนว่าคุณอาศัยอยู่ที่นั่น
McAfee Safe Connect VPN มีมากกว่า 1,900+ เซิร์ฟเวอร์ใน 41 ประเทศ — เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์จำนวนมาก แต่ไม่ใหญ่เท่ากับบริการสแตนด์อโลนอย่าง ExpressVPN (ExpressVPN มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 3,000 เซิร์ฟเวอร์ใน 94 ประเทศ) Safe Connect VPN ของ McAfee ปกป้องข้อมูลผู้ใช้ด้วยการเข้ารหัส 256-bit AES ซึ่งเป็นหนึ่งในการเข้ารหัสที่รัดกุมที่สุดและยังมี Kill switch (Safe Connect) ซึ่งจะตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหากการเชื่อมต่อ VPN ยุติลง
ในการทดสอบของเรา เราสามารถดู Netflix และ Amazon Prime ได้แต่ Disney+ กับ Hulu ดูไม่ได้ เราและเพื่อนร่วมงาน ยังสามารถดูรายการทีวีและภาพยนตร์จากบริการสตรีมมิ่งที่คนไม่ค่อยรู้จักในประเทศของพวกเราได้ด้วย อย่างเช่น Pluto TV แต่ แต่พวกเราถูกบริการอื่น ๆ อย่าง Crunchyroll บล็อก ถ้าคุณกำลังมองหา VPN ที่สามารถใช้กับบริการสตรีมมิ่งได้อย่างเสถียร เราก็แนะนำให้เลือก ExpressVPN
ในการทดสอบของฉัน McAfee Safe Connect VPN ยังบล็อกไคลเอนต์ทอร์เรนต์ของฉันไม่ให้อัปโหลดหรือดาวน์โหลดไฟล์ได้อีกด้วย — หากคุณกำลังมองหา VPN ที่ดีสำหรับการทอร์เรนต์ตัวเลือกที่ดีที่สุดที่ฉันแนะนำคือExpressVPN และProtonVPN
อีกข้อเสียหนึ่งก็คือ VPN ที่บันเดิลมากับ McAfee นั้นจะขาดฟีเจอร์เสริมอย่าง split-tunneling (ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถเลือกได้ว่าทราฟฟิคไหนที่ต้องการให้เดินทางผ่านเซิร์ฟเวอร์ VPN และทราฟฟิคไหนที่ต้องการให้เดินทางผ่านเครือข่ายปกติ) รวมถึงเซิร์ฟเวอร์ที่ผ่านการทำ obfuscation (เพื่อซ่อนทราฟฟิค VPN ของคุณให้ดูเหมือนเป็นทราฟฟิคปกติ)
อย่างไรก็ตาม McAfee Safe Connect VPN ทำงานได้ดีมากในการทดสอบความเร็วของฉัน — บริการมีความเร็วที่รวดเร็วมากเมื่อเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในพื้นที่ (ฉันอยู่ในสหรัฐอเมริกา) และ McAfee Safe Connect VPN ก็รักษาความเร็วที่เหมาะสมเมื่อใช้งานบนเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลได้อย่างราบรื่น เช่น ในยุโรปและอเมริกาใต้ (แต่เว็บไซต์ใช้เวลาโหลดประมาณ 4-5 วินาทีเมื่อเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ในออสเตรเลีย)
แม้ว่า McAfee Safe Connect VPN จะมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ความเร็วที่รวดเร็วบนเซิร์ฟเวอร์ในพื้นที่และสามารถเข้าถึง Netflix ได้ แต่บริการจะเก็บบันทึกการใช้งานข้อมูลออนไลน์และหมายเลข IP ไว้และไม่รองรับการรับส่งข้อมูลแบบ P2P และไม่มีฟีเจอร์พิเศษเหมือนที่นำเสนออยู่ใน VPN แบบสแตนอโลน ๆ บริการ แต่ว่า McAfee Safe Connect VPN ก็มีความปลอดภัยและเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานและการสตรีมทั่วไป
WebAdvisor (มีให้แค่ใน Windows เท่านั้น)
McAfee WebAdvisor บล็อกเว็บฟิชชิ่ง การโจมตีจุดอ่อนในระบบและ Cryptojacker บนเบราว์เซอร์และยังให้คะแนนความปลอดภัยสำหรับบางเว็บไซต์อีกด้วย
มันเป็นเครื่องมือฟรีที่ใช้ Windows ซึ่งสามารถดาวน์โหลดเป็นส่วนเสริมแยกต่างหากในเบราว์เซอร์ของคุณและยังนำเสนอให้เป็นส่วนหนึ่งของ Total Protection WebAdvisor พร้อมใช้งานสำหรับ Chrome, Firefox, Edge และ Explorer
WebAdvisor จะทำการวิเคราะห์ทุกเว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชมเพื่อหาการโจมตีจุดอ่อนในระบบและยังสามารถระบุเว็บฟิชชิ่งจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง
WebAdvisor บล็อกเว็บฟิชชิ่งและการโจมตีจุดอ่อนในระบบในการทดสอบของฉัน โดยตรวจเครื่องมือตรวจพบเว็บอันตรายจำนวนมากที่เครื่องมือป้องกันในตัวของ Chrome และ Firefox ไม่สามารถตรวจพบได้
WebAdvisor ยังรวมโหมด Secure Search สำหรับการค้นหาที่ปลอดภัย ซึ่งกำหนดระดับความปลอดภัยตามรหัสสีให้กับผลการค้นหาของคุณ ฉันทดสอบฟีเจอร์นี้กับ Google แม้ว่าเว็บไซต์จำนวนมากจะไม่มีคะแนนแสดงไว้ แต่เว็บละเมิดลิขสิทธิ์บางเว็บก็ถูกกำหนดว่าเป็นเว็บ “อันตราย” นอกจากนี้ยังแสดงมีการระบุเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัยได้อย่างแม่นยำอีกด้วย
WebAdvisor ยังสามารถให้คะแนนลิงก์เครือข่ายโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Twitter, Instagram และอื่น ๆ ได้อีกด้วย ในการทดสอบของฉัน การให้คะแนนลิงก์นี้แม่นยำอย่างน่าประหลาดใจ โดยระบุว่าลิงก์ส่วนใหญ่ปลอดภัยและสามารถเตือนเว็บฟิชชิ่งได้อย่างถูกต้องเมื่อเพื่อนของฉันถูกแฮ็กบน Instagram
โดยรวม WebAdvisor แล้วเป็นหนึ่งในเครื่องมือป้องกันออนไลน์ที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม การป้องกันเว็บฟิชชิ่งและการโจมตีจุดอ่อนในระบบนั้นดีกว่าเครื่องมือป้องกันในตัวของ Chrome และ Firefox และการจัดอันดับของเสิร์ชเอ็นจิ้นและลิงก์โซเชียลมีเดียนั้นมีประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้ขั้นสูงที่ไม่มีความรู้ด้านเทคนิคที่ไม่สามารถระบุเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัยได้
เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
Total Protection นั้นมีเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่ใช้ได้อยู่ 2 ตัว — Tracker Remover กับ Web Boost — สำหรับเดสก์ท็อปและเบราว์เซอร์ แต่ว่ามันเข้าถึงได้ไม่ง่ายเลย นี่คือเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพประสิทธิภาพของ McAfee.
QuickClean ของ McAfee จะลบคุกกี้และไฟล์ชั่วคราวที่ไม่ต้องการออกจากคอมพิวเตอร์ของคุณ ซึ่งสามารถเข้าถึงได้จากแท็บ PC Security โดยคลิกที่ปุ่ม “Tracker Remover”
การสแกนของ QuickClean ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาทีและสามารถเพิ่มพื้นที่ว่างในคอมพิวเตอร์ของฉันได้เกือบ 2 GB
ฉันชอบความง่ายในการดูรายละเอียดของการสแกน QuickClean โดยเฉพาะอย่างยิ่ง McAfee แยกไฟล์ออกเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ โดยนำเสนอเมนูดร์อปดาวน์ที่แสดงรายการชื่อไฟล์เฉพาะที่ถูกแท็กเพื่อลบในแต่ละหมวดหมู่ วิธีนี้ทำให้ผู้ใช้ขั้นสูงตัดสินใจได้ง่ายว่าต้องการเก็บไฟล์ใดไว้ ในขณะที่ผู้ใช้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีก็สามารถปล่อยให้ McAfee จัดการลบไฟล์ทั้งหมดได้
McAfee Web Boost เป็นส่วนขยายของ Chrome ที่ป้องกันไม่ให้วิดีโอเล่นอัตโนมัติทางออนไลน์ ซึ่งอาจเป็นประโยชน์สำหรับการเพิ่มความเร็วของเบราว์เซอร์ แต่ฉันพบว่ามันน่ารำคาญเสียมากกว่า เนื่องจากวิดีโอตัวอย่างบน YouTube ก็ไม่สามารถเล่นได้
เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ McAfee นั้นดีมาก — ฉันชอบการกำจัดไฟล์ขยะของ QuickClean เป็นพิเศษ ซึ่งก็มีข้อมูลละเอียดและใช้งานง่าย (แต่ฉันไม่คิดว่า Web Boost นั้นจะมีประโยชน์มากสักเท่าไร)
เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน True Key ของ McAfee ให้การป้องกันรหัสผ่านที่ดีและฟังก์ชันการทำงานที่เหมาะสม แต่ยังขาดฟีเจอร์เพิ่มเติมบางอย่างที่มีให้ในเครื่องมือจัดการรหัสผ่านแบบสแตนด์อโลนที่ดีที่สุดใน2025
True Key จัดเก็บและซิงค์ข้อมูลผู้ใช้ในระบบคลาวด์โดยใช้การเข้ารหัส 256-bit AES และการไม่เก็บบันทึกข้อมูล ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้บุคคลอื่น (รวมถึง McAfee) เข้าถึงข้อมูลรหัสผ่านที่บันทึกไว้ได้ เครื่องมือจัดการรหัสผ่านของ McAfee สามารถติดตั้งได้บนอุปกรณ์ Windows, Mac, iOS หรือ Android และรองรับ Firefox, Chrome, Explorer และ Safari
True Key นำเสนอฟีเจอร์ที่จำเป็น เช่น พื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านไม่จำกัดอุปกรณ์ พื้นที่จัดเก็บบัตรเครดิตและเอกสาร พื้นที่เก็บบันทึกที่ปลอดภัย เครื่องมือสร้างรหัสผ่านและการกรอกอัตโนมัติแบบไม่ต้องคลิก แต่ฉันรู้สึกผิดหวังที่พบว่า True Key ไม่มีตัวเลือก 2FA ที่ปลอดภัย (คุณสามารถเข้าสู่ระบบบนอุปกรณ์มือถือด้วยการสแกนไบโอเมตริกซ์ แต่ True Key ไม่รองรับการยืนยันตัวตนของ TOTP หรือโทเค็น USB เช่น Yubikey)
ฉันไม่ชอบที่ True Key ขาดฟีเจอร์บางอย่างเช่น การแชร์รหัสผ่านที่ปลอดภัย การตรวจสอบที่จัดเก็บรหัสผ่านหรือการตรวจสอบการละเมิดรหัสผ่าน เช่น 1Password และ Dashlane
อย่างไรก็ตาม True Key เป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านพื้นฐานที่ดี ฉันสามารถสร้าง บันทึกและป้อนรหัสผ่านอัตโนมัติได้อย่างง่ายดาย คุณสามารถตั้งค่า True Key ให้ป้อนรหัสผ่านอัตโนมัติได้ด้วยคลิกเดียวหรือแม้แต่ป้อนข้อมูลรหัสผ่านของคุณโดยอัตโนมัติเมื่อคุณใช้งานเว็บไซต์ที่บันทึกไว้ (สามารถช่วยประหยัดเวลาได้มาก แต่มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยไม่มาก)
True Key ยังมีการกู้คืนรหัสผ่านหลักอย่างง่าย หากคุณลืมรหัสผ่านหลัก McAfee จะส่งอีเมลถึงคุณเพื่อเปลี่ยนรหัสผ่าน แม้ว่าฟีเจอร์นี้จะเป็นฟีเจอร์ที่ดีสำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่แนวทางปฏิบัติที่ปลอดภัยนัก ซึ่งเป็นสาเหตุที่เครื่องมือจัดการรหัสผ่านชั้นนำอย่าง Dashlane ไม่นำเสนอฟีเจอร์การกู้คืนบัญชีดังกล่าว
โดยรวมแล้วฉันชอบที่ True Key นั้นใช้งานได้ง่ายแม้ว่าฟีเจอร์จะมีข้อจำกัดเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องมือจัดการรหัสผ่านแบบสแตนด์อโลน แต่ True Key ก็ยังเป็นส่วนเสริมที่มีประโยชน์สำหรับ Total Protection ที่สามารถช่วยสร้างรหัสผ่านที่ไม่ซ้ำกันและจัดเก็บรหัสผ่านโดยใช้การเข้ารหัสขั้นสูง คุณสามารถอ่านรีวิวของ TrueKey ได้ที่นี่
การควบคุมของผู้ปกครอง
แอป McAfee Safe Family มีการควบคุมโดยผู้ปกครองที่ยอดเยี่ยมสำหรับอุปกรณ์ Windows, Android และ iOS
สามารถดาวน์โหลดแยกได้หลังจากการซื้อ McAfee Total Protection ระดับสูงสุด
Safe Family ให้คุณสามารถ:
- กรองเนื้อหาบนเว็บ
- จำกัดการใช้อุปกรณ์และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
- บล็อกเฉพาะแอป
- ติดตามตำแหน่งของอุปกรณ์ (ในระยะ 10 เมตร)
เมื่อฉันทดสอบ Safe Family ฉันพบว่าอินเทอร์เฟซนั้นใช้งานได้ง่ายและดูสะอาดตา ฉันชอบที่ McAfee มีการตั้งค่าล่วงหน้าสำหรับการใช้แอปและกฎการใช้เว็บของเด็กทุกคนตามอายุ คุณสามารถปรับการอนุญาตแต่ละแอพและหมวดหมู่เนื้อหา เพิ่มเว็บไซต์ที่ต้องการบล็อกและกำหนดเวลาหน้าจอสำหรับความต้องการส่วนบุคคลของเด็กแต่ละคน
McAfee Safe Family ทำงานได้ดีในระหว่างการทดสอบ โดยสามารถบล็อกเนื้อหาบนเว็บและแอปที่ไม่ต้องการได้ทั้งหมด ฉันได้ลองทดสอบดูกับเนื้อหาหลากหลายประเภท รวมถึงเว็บไซต์ลามก เกมที่มีความรุนแรง เว็บไซต์โซเชียลมีเดีย และก็เว็บไซต์ที่มีการพูดจาแสดงความเกลียดชัง – มันจะทำการบล็อกเว็บไซต์เหล่านี้ทั้งหมด และก็จะทำการบันทึกการค้นหาของฉันด้วย (นี่จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ปกครองที่อยากจะรู้ว่าลูก ๆ ของตัวเองนั้นค้นหาเกี่ยวกับเรื่องอะไร)
หนึ่งในฟีเจอร์ที่ดีที่สุดของ Safe Family คือการติดตามตำแหน่ง คุณสามารถติดตามอุปกรณ์ของบุตรหลานได้ภายในระยะ 10 เมตร และบุตรหลานของคุณยังสามารถส่งการอัปเดตอย่างรวดเร็วถึงคุณผ่านแอปมือถือ Safe Family เมื่อพวกเขาไปถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย ฉันทดสอบการติดตามตำแหน่งด้วย iPad ของลูกสาวของฉันและรู้สึกประหลาดใจที่ Safe Family สามารถติดตามอุปกรณ์ของเธอได้อย่างแม่นยำ — ฟีเจอร์อัพเดทตำแหน่งตลอดเวลาและแม่นยำกว่าเครื่องมือ “Find My” ของ Apple หรือ Google มาก
โดยรวมแล้ว McAfee Safe Family เป็นแอปควบคุมสำหรับผู้ปกครองที่ยอดเยี่ยม (ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมบริการจึงอยู่ในรายการโปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีการควบคุมโดยผู้ปกครองที่ดีที่สุด)
การป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนตัว
บริการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลประจำตัวของ McAfee ให้การตรวจสอบแบบเรียลไทม์สำหรับข้อมูลระบุตัวบุคคล (PII) ที่หลากหลายโดยใช้การตรวจสอบดาร์กเว็บแบบเรียลไทม์ร่วมกับเครือข่ายเครดิตของ Experian การป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมีให้บริการสำหรับลูกค้าในอังกฤษ, อเมริกา, ออสเตรเลีย, บราซิล, แคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, ญี่ปุ่น, นิวซีแลนด์และสเปน นี่เป็นบริการที่ดีกว่า TotalAV ที่นำเสนอการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับลูกค้าในอเมริกาเท่านั้น
การปกป้องข้อมูลประจำตัวของ McAfee ให้คุณสามารถตรวจสอบ:
- 1 SSN (หมายเลขประกันสังคม)
- 1 ใบขับขี่
- 1 พาสปอร์ต
- 1 บัญชีธนาคารต่างชาติ
- 10 ID ทางการแพทย์
- 10 อีเมล
- 10 หมายเลขโทรศัพท์
- 10 บัตรเครดิตและเดบิต
- 10 บัตรอื่น ๆ (พื้นที่จัดเก็บ ฯลฯ)
- 10 บัญชีธนาคาร
คุณยังสามารถตั้งค่าการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ (Change of Address Monitoring) เพื่อคอยระวังความพยายามใด ๆ ในการเปลี่ยนเส้นทางอีเมลของคุณ คุณยังได้รับการกู้คืนข้อมูลประจำตัว ซึ่งให้ความช่วยเหลือหากคุณทำกระเป๋าเงิน บัตรเครดิตหรือเอกสารหาย ทีมกู้ข้อมูลของ McAfee สามารถช่วยคุณจัดการการยกเลิก สั่งซื้อใหม่และการออกใหม่ที่จำเป็น
โชคยังดีที่บริษัทส่วนใหญ่เหล่านี้ยังจำเป็นต้องทำตามคำร้องขอของคุณเพราะกฎหมาย ถ้าคุณจะร้องขอให้พวกเขาเก็บข้อมูลไว้เป็นส่วนตัว เครื่องมือป้องกันความเป็นส่วนตัวของ McAfee นั้นจะระบุรายชื่อของนายหน้าข้อมูลทั้งหมดที่มีข้อมูลของคุณ และก็ทำให้ง่ายต่อการนำข้อมูลของคุณออกจากแหล่งข้อมูลเหล่านั้น — ถ้าคุณอัปเกรดขึ้นไปใช้บริการระดับพรีเมียม McAfee จะทำการนำข้อมูลของคุณออกให้อัตโนมัติเลยด้วย Norton ก็มีบริการที่คล้าย ๆ กันนี้ด้วยระบบป้องกันการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคล และการทดสอบของฉันก็พบว่ามันทั้งง่ายและเร็วต่อการใช้งานเช่นกัน
McAfee มีระดับการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลที่แตกต่างกัน 2-3 ระดับ ผู้ใช้ Total Protection ที่ไม่ได้ลงทะเบียนสำหรับการต่ออายุอัตโนมัติจะได้รับการตรวจสอบดาร์กเว็บสำหรับบัญชีอีเมลสูงสุด 10 บัญชีและการเข้าถึงตัวแทนฝ่ายสนับสนุนโดยเฉพาะ แผน Total Protection ที่มีต่ออายุอัตโนมัติเพิ่มการตรวจสอบดาร์กเว็บสำหรับ 55 PII (รวมถึงหมายเลขโทรศัพท์และอื่น ๆ ) และผู้ใช้ที่ซื้อ Total Protection Ultimate จะได้รับสิทธิ์การประกันภัยการกู้คืนข้อมูลประจำตัวมูลค่า 1,000,000 ดอลลาร์และความคุ้มครองการชำระเงินคืนที่ถูกขโมยมากถึง 10,000 ดอลลาร์ (Norton นำเสนอความคุ้มครองการถูกขโมยเงินในแผน LifeLock Select เท่านั้น ซึ่งมีราคามากกว่าบริการของ McAfee)
โดยรวมแล้วการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลของ McAfee นั้นเป็นฟีเจอร์ที่เข็งแกร่งที่ใช้เครื่องมือหลากหลายในการตรวจสอบการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล นี่เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมและมีราคาถูกสำหรับผู้ใช้ในหลาย ๆ ประเทศที่ต้องการการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของตนเอง
ฟีเจอร์เพิ่มเติม
McAfee Total Protection มีเครื่องมือรักษาความปลอดภัยอีกมากมาย เช่น:
- File Lock ช่วยเข้ารหัสและจัดเก็บไฟล์ไว้เบื้องหลังรหัสผ่านและคำถามเพื่อความปลอดภัย
- Anti-spam ช่วยตรวจสอบข้อความอีเมลของคุณและกรองอีเมลขยะและฟิชชิ่ง
- Home Network Analyzerแจ้งเตือนคุณหากมีอุปกรณ์ที่ไม่น่าเชื่อถือพยายามเชื่อมต่อกับเครือข่ายของคุณ
- Vulnerability Scanner ช่วยรับรองว่าโปรแกรมทั้งหมดของคุณเป็นปัจจุบัน
- Secure file shredder เขียนทับไฟล์ที่ละเอียดอ่อนที่ถูกลบเพื่อไม่ให้กู้คืนได้
เครื่องสแกนช่องโหว่ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่มีประโยชน์ โดยเครื่องมือนี้จะวิเคราะห์แอปทั้งหมดบนอุปกรณ์ของคุณและแจ้งเตือนหากคุณต้องอัปเดตโปรแกรมใด ๆ ของคุณ (สิ่งนี้สำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของภัยคุกคามใหม่ ๆ และช่องโหว่ใหม่ของซอฟต์แวร์ใน2025)
ฉันยังชอบเครื่องทำลายไฟล์ที่ปลอดภัย (Secure File Shredder) ของ McAfee ซึ่งสามารถลบไฟล์ออกจากคอมของคุณได้อย่างสมบูรณ์ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า File Lock ของ McAfee จะเป็นฟีเจอร์ที่ดี แต่มันก็ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเพิ่มจากฟีเจอร์ที่มีใน Windows และ macOS อยู่แล้ว ฟีเจอร์ anti-spam นั้นอาจจะมีประโยชน์สำหรับเมื่อทศวรรษที่แล้ว แต่ว่า Gmail รวมถึง บริการอีเมลชั้นนำอื่น ๆ ก็มีระบบ anti-spam ที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว
ฟีเจอร์เพิ่มเติมของ McAfee นั้นยังไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร แต่ฉันชอบที่บริษัททำงานอย่างหนักเพื่อมอบแอนตี้ไวรัสระดับพรีเมียมที่ให้การป้องกันที่น่าประทับใจ
แผนการบริการและราคาของ McAfee
McAfee นั้นมีระดับการให้บริการที่ต่างกันออกไป 3 ราคา สำหรับ Total Protection และ Plus กับ Premium ก็จะมีราคาที่ถูกมาก ๆ สำหรับผู้ใช้งานที่สมัครใช้บริการเป็นเวลา 2 ปี
สำหรับแผนทั้งหมด McAfee อนุญาตให้คุณขอเงินคืน:
- ภายใน 30 วันหลังจากซื้อบริการ
- ภายใน 60 วันหลังจากต่ออายุอัตโนมัติ
- ตลอดอายุการสมัครของคุณ หาก McAfee ไม่สามารถลบมัลแวร์ได้
นอกจากนี้แผน McAfee ทั้งหมดยังมีฟีเจอร์พิเศษบางอย่างที่มีให้เฉพาะลูกค้าที่สมัครรับการต่ออายุอัตโนมัติ (อย่างเช่น VPN และการป้องกันการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคล)
หมายเหตุ: ชื่อแผนของ McAfee อาจจะมีชื่อ ฟีเจอร์ และระยะเวลาการสมัครใช้บริการที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นกับสถานที่
Total Protection Basic — เหมาะสำหรับการป้องกัน 1 อุปกรณ์
แผนบริการระดับต่ำสุดของ McAfeeมีฟีเจอร์ดี ๆ มากมาย แต่สำหรับอุปกรณ์เครื่องเดียวเท่านั้น ฟีเจอร์นี้ประกอบด้วย:
- การสแกนแอนตี้ไวรัส
- VPN ที่ปลอดภัยไม่มีข้อจำกัด (ต้องสมัครแบบต่ออายุอัตโนมัติ)
- ไฟร์วอลล์
- การป้องกันข้อมูลส่วนตัว
- การป้องกันการใช้งานอินเตอร์เน็ตและฟิชชิ่ง
- เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
- การเข้ารหัสไฟล์
- เครื่องมือทำลายไฟล์
- การสนับสนุนตลอด 24/7
แผนนี้เทียบเท่าได้กับแผน Norton 360 Standard มันมีการปกป้องที่ดีเยี่ยมสำหรับทุกอุปกรณ์ ผู้ใช้งานที่กำลังมองหาการปกป้องที่ยอดเยี่ยมในราคาถูกนั้นควรจะเลือกดูแผนนี้ (แต่เนื่องจากมันยังขาดระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครอง มันจึงอาจไม่เหมาะสำหรับใช้งานภายในครอบครัวที่มีเด็กเล็ก)
Total Protection Plus — การป้องกันที่ครอบคลุมในราคาที่ยอดเยี่ยม
แผน McAfee Total Protection Plusนั้นจะรวมฟีเจอร์ทั้งหมดของแผนก่อนหน้าและก็จะครอบคลุมถึง 5 อุปกรณ์และยังมีลิขสิทธิ์ VPN ให้ใช้ถึง 5 ลิขสิทธิ์ (สำหรับสมาชิกที่ต่ออายุอัตโนมัติเท่านั้น)
ด้วยราคาเพียง US$39.99 / ปี แผนนี้จะมีราคาถูกกว่าแผน McAfee Basic และมันก็จะช่วยปกป้องอุปกรณ์ของคุณได้อย่างทั่วถึงอีกด้วย ผู้ใช้งานที่กำลังมองหาการปกป้องที่ยอดเยี่ยมในราคาถูกนั้นควรจะเลือกดูแผนดี (แต่เนื่องจากมันยังขาดระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครอง จึงอาจไม่เหมาะสำหรับใช้ภายในครอบครัวที่มีเด็กเล็ก)
Total Protection Premium — คุ้มค่าที่สุดโดยรวม
แผนMcAfee Premiumนั้นจะรวมฟีเจอร์ทั้งหมดของ Basic และ Plus สำหรับ 10 อุปกรณ์และมาพร้อมกับระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครอง
Total Protection Premium นั้นจะสามารถใช้งานแบบ 2 ปีได้เท่านั้น US$49.99 / ปี แต่มันก็จะมีราคาที่ถูกมาก ๆ ผมลองใช้แล้วเห็นว่าระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครองนั้นทำงานได้ดีมากบนทุกอุปกรณ์ของผม ดังนั้นแผนนี้ก็จะเป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ สำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก หรือใครก็ตามที่ต้องการให้ครอบคลุมถึง 10 อุปกรณ์
ความง่ายในการใช้งานและการตั้งค่าของ McAfee
การดาวน์โหลดและติดตั้ง McAfee นั้นใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที หลังการติดตั้ง McAfee ก็เสนอให้ฉันใช้การสแกนไวรัส ซึ่งใช้เวลาประมาณ 45 นาทีบน PC ของฉัน
แดชบอร์ดของ McAfee ก็ถือว่าดูเรียบง่ายใช้ได้ แต่ก็ยังน่าสับสนเกินความจำเป็น โดยมีฟีเจอร์หลักให้ใช้งาน 6 ฟีเจอร์ในหน้าโฮม:
- แอนตี้ไวรัส
- Tracker remover
- การสมัครสมาชิกของฉัน
- รายงานความปลอดภัย
- ไฟร์วอลล์
- การตั้งค่าทั่วไป
ปุ่มส่วนใหญ่นี้ก็ค่อนข้างจะมีประโยชน์ — ยกตัวอย่างเช่นปุ่ม แอนตี้ไวรัส จะเปิดหน้าต่างที่คุณสามารถตั้งเวลาการสแกน และก็เลือกวิธีการสแกนรูปแบบต่าง ๆ หรือจะเปิดใช้งานการสแกนอย่างเร็วก็ได้
ฉันชอบความง่ายในการกำหนดเวลาการสแกนด้วย McAfee และการทำสิ่งต่าง ๆ เช่น การปรับแต่งการป้องกันไฟร์วอลล์ การเข้าถึง VPN และการเรียกใช้เครื่องมือปรับแต่งระบบนั้นทำได้ง่ายมากในแอปเดสก์ท็อปของ McAfee คุณสามารถเข้าถึงตัวเลือกต่าง ๆ ได้โดยคลิกที่ปุ่มแต่ละปุ่ม ตัวอย่างเช่นการคลิกที่ปุ่ม “แอนตี้ไวรัส” จะแสดงตัวเลือกการสแกนที่หลากหลาย
การควบคุมโดยผู้ปกครองของ McAfee และการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลประจำตัวสามารถเข้าถึงได้ผ่านแดชบอร์ดออนไลน์ของ McAfee ซึ่งทั้งใช้งานง่ายและเข้าถึงได้ง่าย แต่จริง ๆ แล้วฉันต้องการให้ McAfee รวมฟีเจอร์ทั้งหมดเหล่านี้ไว้ในแอปเดสก์ท็อป (เหมือนกับที่ TotalAV และ Bitdefender ทำ)
ส่วนใหญ่แล้วฟีเจอร์ของ McAfee นั้นก็ใช้งานง่าย ฉันเองก็รู้สึกหงุดหงิดอยู่ตอนที่ตามหาฟีเจอร์ tune-up ระบบ และฉันก็อยากให้แอป VPN กับ Safe Family นั้นถูกรวมเข้ามาอยู่ในแดชบอร์ดของ McAfee ด้วย แต่ถ้ามองโดยรวมถึงความมากมายของฟีเจอร์แล้ว McAfee ก็ถือว่าทำได้ดีในเรื่องความง่ายในการตามหาและใช้งานสำหรับส่วนของเครื่องมือความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต
แอพพลิเคชั่นมือถือของ McAfee
แอปมือถือของ McAfee คือ Mobile Security มีให้ใช้งานสำหรับทั้ง iOS และ Android
คุณสามารถเปิดใช้งานบัญชีของคุณได้โดยการส่งอีเมลหรือส่งข้อความถึงตัวคุณเองด้วยลิงก์จากแดชบอร์ดออนไลน์ของ McAfee หรือคุณสามารถดาวน์โหลดแอปจาก App Store ของอุปกรณ์และป้อนรหัสผ่านของคุณได้
อินเทอร์เฟซของแอพมือถือนั้นดูสะอาดตาและใช้งานง่าย คุณสามารถเปิดใช้งานเครื่องมือบางอย่างได้โดยใช้ปุ่มบนหน้าจอ ส่วนเครื่องมือที่เหลือก็สามารถเข้าถึงได้จากเมนูที่มุมบนขวา
McAfee ตรวจพบมัลแวร์ที่มีเฉพาะใน Android ทั้งหมดบนอุปกรณ์ของฉัน หลังจากที่ไปได้สแกน 10 นาที ฉันค่อนข้างประทับใจในความเร็วและความแม่นยำของการสแกนนี้ — คู่แข่งจำนวนมากไม่สามารถการตรวจจับไฟล์อย่าง รูทคิต แอดแวร์และแอปสปายแวร์ที่แอบเก็บรวบรวมข้อมูล
McAfee ไม่ได้นำเสนอฟีเจอร์สำหรับ iOS เพราะว่า iOS นั้นไม่สามารถติดไวรัสจากไฟล์มัวแวร์ทั่วไปได้ แต่อุปกรณ์นี้ไม่ได้มีการป้องการฟิชชิ่งที่ยอดเยี่ยมอะไร ซึ่งการป้องกันฟิชชิ่งจะช่วยตรวจจับเว็บที่เป็นอันตรายได้
น่าเสียดายที่ McAfee อัพเดทและลบฟีเจอร์การป้องกันขโมยออกไป ซึ่งฟีเจอร์นี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่ฉันชอบมากที่สุดบนแอปมือถือเลย
อย่างไรก็ตาม แอปมือถือของ McAfee ยังมีฟีเจอร์ที่ดีอื่น ๆ อยู่ รวมถึง:
- เครื่องมือสแกน Wi-Fi สแกนเครือข่าย Wi-Fi เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย
- VPN ที่ปลอดภัย เข้ารหัสการเชื่อมต่อของคุณเพื่อปกป้องหมายเลข IP จริงของคุณ (แต่ให้บริการได้ไม่ดีเท่ากับ VPN สแตนอโลนอย่าง ExpressVPN)
- การป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนบุคคล แจ้งเตือนเมื่ออีเมล์ของคุณถูกละมิดความปลอดภัย
แอปมือถือของ McAfee นั้นมีฟีเจอร์ที่หลากหลายและมีราคาไม่แพงและมีให้บริการในทั้ง iOS และ Android — โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณได้รับบริการผ่านแผน McAfee Premium
การสนับสนุนลูกค้าของ McAfee
ตัวเลือกการสนับสนุนลูกค้าของ McAfee ได้แก่:
- การสนับสนุนผ่านไลฟ์แชทตลอด 24 ชั่วโมงในภาษาอังกฤษ
- การสนับสนุนผ่านโทรศัพท์ตลอด 24 ชั่วโมงในภาษาอังกฤษ
- Support forum.
- ฐานความรู้ออนไลน์มีให้บริการในภาษาอังกฤษ
ฉันชอบติดต่อ McAfee ทางโทรศัพท์หากมีปัญหาเร่งด่วน
ตอนที่ฉันมีปัญหากับแผนของฉัน ทีมสนับสนุนทางโทรศัพท์ก็สามารถอัปเกรดแผนให้ฉัน พร้อมทั้งคืนเงินให้ รวมถึงลดราคา ทั้งหมดนี้เสร็จภายในไม่กี่นาที
ฉันยังมีประสบการณ์ที่ดีกับทีมสนับสนุนผ่านไลฟ์แชทสดของ McAfee ก่อนที่ฉันจะเข้าถึงไลฟ์แชท ฉันต้องกรอกรายละเอียดในแบบฟอร์มและส่งคำถามเป็นลายลักษณ์อักษร จากนั้นฉันต้องรอพูดคุยกับทีมสนับสนุนที่พร้อมให้บริการ
ฉันติดต่อทีมงานไลฟ์แชทของ McAfee 2-3 ครั้งและในทุกครั้งฉันก็ไม่ต้องรอเป็นเวลานาน ซึ่งมันดีมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ให้บริการาได้ช้ากว่าอย่าง Norton! ทีมงานสนับสนุนของ McAfee ทุกคนที่ฉันคุยด้วยนั้นมีความรู้ สุภาพและตรงประเด็น
ทีมงานในไลฟ์แชทของ McAfee เสนอทางเลือกควบคุม PC ของฉันเสมอผ่านแอปเพล็ตที่ดาวน์โหลดได้และแก้ไขปัญหาให้ฉัน ในขณะที่ฉันดูพวกเขาทำไปด้วย ผู้ใช้มือใหม่อาจพบว่าตัวเลือกนี้น่าสนใจ แต่ฉันชอบให้พวกเขาให้คำแนะนำและฉันทำทุกอย่างด้วยตัวเองมากกว่า – และทีมงานสนับสนุนของ McAfee ก็ยินดีที่จะทำเช่นนั้นด้วยเช่นกัน
ฉันได้รับคำตอบอย่างละเอียดเสมอและฉันได้รับหมายเลขสำหรับทุกคำถามในกรณีที่ฉันต้องการติดตามผล
ฟอรัมการสนับสนุนของ McAfee นั้นมีการใช้งานเป็นจำนวนมากและตอบสนองได้ดีเช่นกัน ทั้งทีมงานของ McAfee และชุมชนผู้ใช้ของ McAfee พร้อมตอบคำถามของคุณที่นั่น ฉันได้รับคำตอบในเวลาไม่ถึง 5 ชั่วโมง ซึ่งค่อนข้างเร็วเลยทีเดียว!
แต่ฉันพบว่าฐานความรู้ออนไลน์นั้นให้บริการได้ตรงกันข้ามกับไลฟ์แชทและฟอรัมการสนับสนุนของ McAfee ของคำถามที่พบบ่อยจำนวนมากนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับซอฟต์แวร์เวอร์ชันเก่าเท่านั้น ซึ่งคุณอาจไม่ได้คำตอบที่คุณต้องการ หากไม่ได้พูดคุยกับทีมงานโดยตรง แต่เนื่องจากทีมสนับสนุนทางโทรศัพท์และไลฟ์แชทของ McAfee ตอบสนองได้ดีมาก ผู้ใช้ส่วนใหญ่จึงไม่มีปัญหา
โดยรวมแล้วฉันพบว่าการสนับสนุนของ McAfee นั้นยอดเยี่ยม — เป็นหนึ่งในแบรนด์แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดที่ฉันเคยทดสอบมาและฉันประทับใจมากพวกเขามีการสนับสนุนด้วยไลฟ์แชทตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันสำหรับผู้ใช้ทุกคน ดังนั้นคุณสามารถเข้าถึงได้แม้ว่าคุณจะทดลองใช้งานฟรี
McAfee เป็นแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดใน2025หรือเปล่า
Total Protection
จาก McAfee เป็นชุดรักษาความปลอดภัยที่ให้บริการอย่างครอบคลุมและโปรแกรมสแกนแอนตี้ไวรัสเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ดีที่สุดที่ฉันเคยทดสอบ — McAfee ได้คะแนนการตรวจจับมัลแวร์ 100% ในการทดสอบของฉัน สามารถระบุและลบมัลแวร์ทุกประเภทได้สำเร็จ ข้อเสียหลักเดียวก็คือ full system scan จะทำให้ทั้งระบบนั้นช้าลง แต่เรื่องนี้ก็สามารถป้องกันได้ด้วยการตั้งเวลาสแกนตอนที่คุณไม่ได้ใช้งานคอมพิวเตอร์
ฉันชอบไฟร์วอลล์ของ McAfee มาก (มีประสิทธิภาพมากกว่าไฟร์วอลล์ในตัวจาก Windows และ macOS) และการป้องกันเว็บนั้นดีมาก การควบคุมโดยผู้ปกครองและแอปมือถือของ McAfee ยังมีฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยมและอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายในอุปกรณ์ที่หลากหลาย ฉันคิดว่า VPN และเครื่องมือจัดการรหัสผ่านของ McAfee นั้นใช้งานได้ดี แต่ก็ไม่ได้ดีเท่ากับ VPN แบบสแตนด์อโลนและเครื่องมือจัดการรหัสผ่านระดับพรีเมี่ยมใน 2025
อย่างไรก็ตามด้วยฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มากมายที่นำเสนอควบคู่ไปกับแผนราคาสุดคุ้มสำหรับบุคคลและครอบครัว McAfee เป็นหนึ่งในชุดรักษาความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตระดับพรีเมียมที่คุ้มค่าที่สุด ไม่ว่าคุณจะเลือกแผน Basic สำหรับ PC หรือ Mac หรือ Plus และ Premium สำหรับ 5-10 อุปกรณ์ก็ตาม คุณก็จะได้รับการปกป้องจากมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยมในราคาที่คุ้มค่า
โดยรวมแล้ว McAfee เป็นแอนตี้ไวรัสที่ครอบคลุม มาพร้อมกับการป้องกันคุณภาพสูงสำหรับ PC, Mac, Android และ iOS การสนับสนุนลูกค้าที่ยอดเยี่ยมและการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันให้คุณสามารถใช้งานได้โดยปราศจากความเสี่ยง
คำถามที่พบบ่อย
McAfee เป็นแอนตี้ไวรัสที่ดีหรือเปล่า
ได้ McAfee ติดอันดับหนึ่งในเครื่องมือสแกนป้องกันมัลแวร์ชั้นนำด้วยคะแนนการตรวจจับที่สม่ำเสมอ 100% สำหรับมัลแวร์ที่หลากหลาย รวมถึงโทรจัน รูทคิต สปายแวร์ แอดแวร์และอื่น ๆ
ในการทดสอบของฉันการสแกนระบบเต็มรูปแบบของ McAfee ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งเทียบได้กับคู่แข่งชั้นนำอย่าง Bitdefender. McAfee ช่วยให้คุณกำหนดเวลาการสแกนได้ตามสะดวกและยังมีตัวเลือกในการปรับแต่งการสแกนของคุณ (คุณสามารถเลือกไฟล์ที่ต้องการสแกนได้)
McAfee นำเสนอแผนบริการราคาไม่แพงสำหรับบุคคลและครอบครัวในอุปกรณ์ต่าง ๆ — คุณสามารถดูส่วนแผนและราคาของรีวิวนี้เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม
McAfee จะลบมัลแวร์ออกจากคอมพิวเตอร์ของฉันหรือเปล่า
ใช่ McAfee เป็นแอนตี้ไวรัสที่น่าเชื่อถือ ซึ่งคุณสามารถใช้สแกน PC ของคุณเพื่อหาไวรัสและเพิ่มการป้องกันแบบเรียลไทม์ มันสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการทดสอบของฉัน มันสามารถตรวจพบมัลแวร์ได้ทุกชนิด เช่น แรนซัมแวร์ สปายแวร์ คริปโตแจ็กเกอร์ แอดแวร์ และอื่น ๆ
นอกจากนี้โปรแกรมป้องกันไวรัสนี้ยังได้รับการสนับสนุนโดย McAfee Virus Pledge ซึ่งหมายความว่าบริษัทสัญญาว่าจะคืนเงินให้ผู้ใช้ ถ้าหาก McAfee ไม่สามารถลบมัลแวร์ออกจากอุปกรณ์ได้ในระหว่างการเป็นสมาชิกได้ (Nortonมีข้อเสนอที่คล้ายกันกับผลิตภัณฑ์นี้)
McAfee ลบสปายแวร์ได้หรือไม่
ได้ เครื่องสแกนมัลแวร์ของ McAfee ออกแบบมาเพื่อตรวจจับและลบมัลแวร์ที่รู้จักทุกประเภท (รวมถึงสปายแวร์และแอดแวร์) McAfeeยังรวมเอ็นจิ้นการป้องกันแบบเรียลไทม์ไว้ในแผนทั้งหมด ซึ่งสามารถบล็อกไฟล์มัลแวร์ เช่น สปายแวร์ ไมให้ดาวน์โหลดหรือเปิดบนอุปกรณ์ของคุณ
หากคุณสงสัยเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างซอฟต์แวร์ป้องกันสปายแวร์แบบสแตนด์อโลนและโปรแกรมป้องกันมัลแวร์ที่ครอบคลุมมากขึ้น SafetyDetectives ได้ทำการวิเคราะห์อย่างละเอียดเกี่ยวกับตัวเลือกการป้องกันสปายแวร์ที่ดีที่สุดใน 2025ไว้แล้ว
McAfee จะทำให้คอมของฉันช้าลงหรือเปล่า
มีโอกาสสูงเลย อย่างน้อยก็ตอนที่ใช้การสแกนเต็มรูปแบบ McAfee ทำให้คอมพิวเตอร์ของเราช้าลงในระหว่างที่ทำการสแกนเต็มรูปแบบ แต่ผู้ใช้งานก็สามารถตั้งเวลาสแกนในช่วงกลางคืนเพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องความเร็วตกได้ McAfee นั้นไม่น่าจะทำให้ระบบของคุณช้าลง ถ้าคุณไม่ได้ทำการสแกนใด ๆ ถึงจะเป็นเช่นนั้น ถ้าคุณกำลังมองหาโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ใช้ทรัพยากรน้อยมาก ๆ ลองดู Bitdefender ซึ่งใช้ทรัพยากรของระบบน้อยมาก ๆ
McAfee มีเวอร์ชั่นฟรีหรือเปล่า
McAfee ไม่มีเวอร์ชันฟรี แต่มีรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันในแผนทั้งหมด (ขยายเป็น 60 วันสำหรับลูกค้าต่ออายุอัตโนมัติ)
McAfee มีแอปสำหรับ iOS และ Android หรือไม่
มี McAfee Mobile Security มีให้บริการทั้งใน iOS และ Android
แอปมือถือของ McAfee มีการป้องกันมัลแวร์ขั้นสูงและการป้องกันฟิชชิ่ง การตรวจสอบความปลอดภัย Wi-Fi และ VPN McAfee Mobile Security เป็นหนึ่งในแอปมือถือที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม มีราคาถูกเมื่อซื้อเป็นส่วนหนึ่งของแผน Total Protection multi-device
ฉันควรซื้อ McAfee แผนไหนดี
มันขึ้นอยู่กับคุณ!
ผู้ที่ใช้งาน PC หรือ Mac เครื่องเดียวควรจะเลือกใช้แผน McAfee Total Protection Basic
ผู้ใช้งานที่ต้องการให้ครอบคลุมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์มือถือหลายเครื่องควรจะเลือกดูแผน Total Protection Plus ในขณะที่ผู้ปกครองที่ต้องการระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครองและก็การครอบคลุมถึง 10 อุปกรณ์ควรจะเลือกซื้อแผน Premium
ดูรีวิวฉบับเต็มของฉันสำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับแผนและราคาทั้งหมดของ McAfee