มีเวลาไม่พอใช่ไหม นี่คือแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Mac ใน 2024:
- 🥇 Intego: แอนตี้ไวรัส ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ macOS มีอัตราการตรวจจับ 100% มีไฟร์วอลล์, การป้องกัน Wi-Fi, โปรแกรมปรับปรุงประสิทธิภาพสำหรับ Mac, เครื่องมือสำรองข้อมูลขั้นสูงและการควบคุมสำหรับผู้ปกครอง
- คลิกที่นี่เพื่อรับการป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับ Mac
ฉันได้ทดสอบ 77 แอนตี้ไวรัสยอดนิยมเพื่อค้นหาบริการที่มีการป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับ Mac เพื่อค้นหาบริการที่สามารถตรวจจับและบล็อกมัลแวร์ที่เน้นโจมตี Mac และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพจากการป้องกันที่ Apple มีอยู่แล้ว
ฉันไม่แปลกใจที่พบว่าแอนตี้ไวรัสส่วนใหญ่เน้นให้บริการ Windows เป็นหลัก บริการส่วนใหญ่มักจะละเลยความปลอดภัยสำหรับ Mac หรือไม่มีอะไรที่ดีกว่าคุณสมบัติการป้องกันที่ Apple มีอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ฉันพบว่ามีแอนตี้ไวรัสสำหรับ mac บางตัวให้บริการได้โดดเด่นกว่าบริการอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด มีฟีเจอร์การตรวจจับมัลแวร์แบบเรียลไทม์ การป้องกันแรนซัมแวร์ การป้องกันเว็บ ไฟร์วอลล์และเครื่องมือสำหรับการทำความสะอาดและปรับปรุงประสิทธิภาพ Mac
แอนตี้ไวรัสในรายการนี้มีฟังก์ชั่นเพิ่มเติมที่ช่วยเพิ่มการป้องกันเพิ่มเติมให้กับฟีเจอร์การป้องกันของ Apple ได้ เช่น ฟีเจอร์การป้องกันไฟร์วอลล์ขั้นสูงและเบาเซอร์ Safari ที่ปลอดภัยและฟังก์ชั่นสำรองข้อมูลที่ดีกว่า Time Machine ของ Apple และถึงแม้ว่าตัวเลือกที่ดีที่สุดของฉันคือ Intego บริการทั้งหมดในรายการของฉันนั้นมีราคาไม่แพง ใช้งานง่ายและปลอดภัย 100% หมายเหตุจากบรรณาธิการ: Intego และเว็บไซต์นี้อยู่ในกลุ่มบริษัทที่มีเจ้าของเดียวกัน
ลองใช้ INTEGO ได้เลยตอนนี้ (ใช้งานได้โดยไม่มีความเสี่ยงเป็นเวลา 30 วัน)
สรุปย่อเกี่ยวกับแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ mac ในปี 2024:
- 1.🥇 Intego — ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสและมัลแวร์ที่ดีที่สุดสำหรับ macOS ในปี 2024
- 2.🥈 TotalAV — ชุดความปลอดภัยสำหรับอินเทอร์เน็ตที่ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่
- 3.🥉 Norton — การสแกนมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยมพร้อมการป้องกันเว็บที่ดี
- 4. McAfee — ซอฟต์แวร์ป้องกันมัลแวร์ที่ดีมาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ตที่ดี
- 5. Bitdefender — สแกนเนอร์ที่มีฐานข้อมูล AI พร้อมการป้องกันแรนซัมแวร์ที่ยอดเยี่ยม
- แอนตี้ไวรัสสำหรับ Mac อันดับ #6-10 ที่ดีที่สุดในปี 2024
- เปรียบเทียบ แอนตี้ไวรัสสำหรับ Mac ที่ดีที่สุด
🥇1. Intego — โปรแกรมป้องกันไวรัสสำหรับ Mac ที่ดีที่สุดในปี 2024
Intego เป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสสำหรับ Mac ที่ดีที่สุดที่ฉันทดสอบ บริการมีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่สมบูรณ์แบบและมีฟีเจอร์ความปลอดภัยและการปรับปรุงสำหรับ Mac ที่หลากหลาย ใช้งานได้ง่ายมาก ต่อให้ผู้ใช้ที่ไม่มีประสบการณ์ก็สามารถเข้าถึงและใช้งานฟีเจอร์ได้ทั้งหมด แต่บริการก็ยังมีตัวเลือกการปรับแต่งที่หลากหลาย เหมาะสำหรับผู้ใช้ขั้นสูงอีกด้วย
Intego สามารถตรวจจับและบล็อกมัลแวร์ใน Mac ได้ 100% เพื่อทำการทดสอบ ฉันดาวน์โหลดมัลแวร์หลาย ๆ ประเภท รวมถึงสปายแวร์ แรนซัมแวร์และโทรจัน และ Intego ก็สามารถตรวจพบได้ทั้งหมด คุณยังสามารถทำการสแกนไวรัสบนอุปกรณ์ภายนอกหรืออุปกรณ์ iOS ที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของคุณได้ สิ่งนี้เป็นประโยชน์อย่างมากและ Intego ไม่เพียงแต่สามารถตรวจจับภัยคุกคามบน Mac ได้เท่านั้น แต่ยังสามารถระบุมัลแวร์สำหรับ PC ได้ด้วย ดังนั้นคุณจะไม่มีความเสี่ยงในการส่งไฟล์ที่ติดไวรัสไปยังเพื่อน ครอบครัวหรือเพื่อนร่วมงานที่ใช้ Windows PC
เครื่องสแกนมัลแวร์ของ Intego ทำงานได้เร็วมาก การสแกนครั้งแรกของฉันใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงในการวิเคราะห์ไฟล์มากกว่า 2 ล้านไฟล์บน Mac ของฉัน (ซึ่งเร็วกว่าแอนตี้ไวรัสชั้นนำหลาย ๆ บริการ) แต่ที่ดีกว่านั้นก็คือการสแกนครั้งถัดไปทำงานได้เร็วยิ่งขึ้น เนื่องจาก Intego ใช้เทคโนโลยีจดจำไฟล์ นั่นหมายความว่าหลังจากการสแกนระบบเต็มรูปแบบครั้งแรก ซอฟต์แวร์จะข้ามไฟล์ที่สแกนแล้วก่อนหน้าที่มีสถานะปลอดภัยไป Norton ก็ใช้เทคโนโลยีจดจำไฟล์เช่นเดียวกัน แต่บริการส่วนใหญ่ในรายการนี้ไม่มีฟีเจอร์นี้ ดังนั้นนี่ถือเป็นข้อดีของบริการ
Intego ยังมี:
- การป้องกันมัลแวร์แบบเรียลไทม์
- สมาร์ทไฟร์วอลล์
- การควบคุมสำหรับผู้ปกครอง
- ฟีเจอร์ทำความสะอาดและปรับปรุงประสิทธิภาพ Mac
- เครื่องมือสำรองข้อมูล
เราชอบ NetBarrier ซึ่งเป็นไฟร์วอลล์ของ Intego มาก ๆ มันมีความล้ำสมัยมากกว่าไฟร์วอลล์ที่ติดมาในตัวของ macOS NetBarrier นั้นจะเปลี่ยนการตั้งค่าไฟร์วอลล์โดยอัตโนมัติ ขึ้นกับการเชื่อมต่อเครือข่ายของคุณ และมันก็จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถบล็อกหรือให้อนุญาตกับโปรแกรมที่พยายามเชื่อมต่อไปยังอินเทอร์เน็ตได้อย่างง่ายดาย — นี่เป็นการหยุดไม่ให้แอปที่น่าสงสัยทำการส่งข้อมูลส่วนตัวของคุณไปในพื้นที่ไม่พึงประสงค์บนเว็บ ไฟร์วอลล์นั้นเป็นฟีเจอร์ความปลอดภัยที่สำคัญ และ Intego ก็เป็นหนึ่งในผู้นำด้านนี้
ฟีเจอร์อื่น ๆ ของ Intego ก็มีประโยชน์มากเช่นกัน เครื่องมือปรับปรุงและการควบคุมสำหรับผู้ปกครองทำงานได้ดีมาก และฉันประทับใจกับฟีเจอร์การสำรองข้อมูลของ Intego ที่ชื่อ Personal Backup มาก มันเหมือนกับฟีเจอร์ Time Machine ของ Apple แต่มันทำงานได้ดีกว่ามาก! Personal Backup ไม่เพียงแต่ทำให้การกู้คืนสำรองข้อมูลง่ายขึ้น แต่ยังให้คุณปรับแต่งตารางสแกนที่แตกต่างกันสำหรับไฟล์ โฟลเดอร์หรือประเภทของสื่อต่าง ๆ ได้อีกด้วย ฟีเจอร์ช่วยให้คุณสำรองข้อมูลที่สามารถบูตได้ (รวมถึง OS ของคุณ) ดังนั้นคุณสามารถใช้งานอุปกรณ์ Mac ของคุณบนอุปกรณ์ใหม่ได้ และถ้าคุณใช้อุปกรณ์ 2 ควบคู่กันคุณยังสามารถซิงค์ระหว่างอุปกรณ์ Mac ทั้งสองได้เพื่อให้ทั้งสองอุปกรณ์อัพเดทไฟล์ล่าสุดของคุณอยู่เสมอ
Intego มี 2 แผนราคาเป็นมิตรให้เลือก (และทั้งสองแผนมาพร้อมกับการรับประกันการคืนเงินภายใน 30 วัน) แผนที่ราคาถูกที่สุดของ Intego คือ
สรุป:
Intego เป็น antivirus ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ Mac ส่วนใหญ่ บริการนำเสนอการป้องกันมัลแวร์ที่น่าเชื่อถือและมีอัตราการตรวจจับมัลแวร์สำหรับ Mac ที่ยอดเยี่ยม การป้องกันความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตขั้นสูงและเครื่องมือทำความสะอาดและปรับปรุง Mac ที่ดีเยี่ยม ฟีเจอร์เพิ่มเติมทั้งหมดของ Intego ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันให้แก่ฟีเจอร์ของ Apple ได้อย่างมาก และคุณสามารถทดลองใช้ฟีเจอร์เหล่านี้ได้โดยไม่มีความเสี่ยงด้วยการรับประกันการคืนเงินภายใน 30 วัน
🥈2. TotalAV — ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพ Mac
TotalAV มาพร้อมกับเครื่องมือความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ตและเครื่องมือปรับปรุงประสิทธิภาพ Mac ที่ยอดเยี่ยม โปรแกรมแอนตี้ไวรัสทำงานได้เกือบสมบูรณ์แบบในการทดสอบของฉัน โดยสามารถระบุตัวอย่างมัลแวร์บน Mac ทั้งหมด อย่างไรก็ตามการแสกนแบบเรียลไทม์ของ TotalAV ไม่สามารถหยุดตรวจจับมัลแวร์ zero-day หลายตัวที่ Intego สามารถบล็อกได้
สิ่งที่ทำให้ TotalAV โดดเด่นจากคู่แข่งคือ การใช้งานที่ง่ายมาก! TotalAV รวมฟีเจอร์ทั้งหมดเอาไว้ในแดชบอร์ดที่ใช้งานได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านเทคนิคมากนัก
TotalAV มีฟีเจอร์:
- การทำความสะอาดและปรับปรุงประสิทธิภาพ Mac
- VPN (ไม่จำกัดข้อมูล)
- ไฟร์วอลล์เครือข่าย
- การป้องกันเว็บ
- จัดการรหัสผ่าน
- เครื่องมือบล็อกโฆษณา
- การตรวจสอบการละเมิดข้อมูล
- การป้องกันการโจรกรรมข้อมูลประจำตัว (เฉพาะในอเมริกา)
เราชอบเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพ Mac ของ TotalAV มาก ๆ ซึ่งมันจะมีการนำไฟล์ขยะออก, ตัวจัดการโปรแกรมสตาร์ทอัพ และตัวจัดการเบราว์เซอร์ เครื่องมือนำไฟล์ขยะออกนั้นสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับการกำจัดไฟล์ที่ไม่จำเป็น เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บให้กับระบบของคุณ ตัวจัดการโปรแกรมสตาร์ทอัพนั้นจะทำให้คุณสามารถควบคุมได้ว่าแอปไหนที่คุณอยากให้เปิดใช้งานตอนเปิดเครื่อง เพื่อเป็นการลดเวลาเปิดเครื่องของ Mac
นอกจากนี้ตัวจัดการเบราว์เซอร์จะทำให้คุณสามารถจัดการส่วนขยายเบราว์เซอร์และคุกกี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งระหว่างการทดสอบนั้น มันก็สามารถช่วยทำให้เราใช้ Safari ได้อย่างราบรื่นขึ้นมาก เครื่องมือต่าง ๆ เหล่านี้สามารถทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความเร็วในการท่องเว็บได้เป็นอย่างดี นี่ทำให้ TotalAV นั้นเป็นตัวเลือกที่เยี่ยมสำหรับการใช้งานอย่างคล่องตัวในสภาพแวดล้อมของ Mac
VPN ของบริการยังเป็นหนึ่งในบริการที่ดีที่สุดอีกด้วย มีแอนตี้ไวรัสแค่ไม่กี่บริการเท่านั้นมี VPN ให้บริการและบางบริการอาจจำกัดปริมาณข้อมูลที่คุณสามารถใช้ได้ เช่น Bitdefender แต่ VPN ของ TotalAV ไม่เพียงแต่มาพร้อมกับข้อมูลไม่จำกัดเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งใน VPN ที่เร็วที่สุดที่มาพร้อมกับแอนตี้ไวรัสอีกด้วย ฉันไม่สังเกตเห็นความความล่าช้าใด ๆ ในระหว่างสตรีมมิ่ง ดาวน์โหลดหรือการท่องเว็บ
TotalAV นั้นมีบริการ Identity Theft Protection เฉพาะสำหรับผู้ใช้งานในสหรัฐอเมริกา มันได้รับการสนับสนุนจากบริการปกป้องตัวตนของ Aura และมันก็จะคอยเฝ้าระวังเครือข่ายต่าง ๆ ด้วยความพิถีพิถัน ซึ่งจะรวมถึงรายงานเครดิตจากบูโรอย่าง Experian เพื่อดูว่ามีคนนำข้อมูลส่วนตัวอย่างเช่นเลขประกันสังคมหรือบัตรเครดิตของคุณไปใช้อย่างไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ หลังจากที่ตรวจพบกิจกรรมน่าสงสัยแล้ว TotalAV ก็จะรีบแจ้งเตือนคุณ เพื่อให้คุณสามารถดำเนินการแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าบริการนี้จะไม่ได้ถูกบันเดิลมากับแพลนตั้งต้นด้วยนั้น แต่คุณก็สามารถขอรับบริการเพิ่มได้โดยมีค่าธรรมเนียมรายปีเพิ่มเล็กน้อย น่าเสียดายที่ไม่มีบริการนี้ให้สำหรับผู้ใช้งานที่อยู่นอกสหรัฐอเมริกา
TotalAV ยังให้บริการการป้องกันเว็บที่ดี ซึ่งออกแบบมาเพื่อบล็อกเว็บฟิชชิ่งและเว็บไซต์อื่น ๆ ที่เป็นอันตราย การป้องกันเว็บของ TotalAV ทำงานได้ดีมากในการทดสอบของฉัน โดยสามารถบล็อกเว็บไซต์ปลอมและเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายส่วนใหญ่ที่ฉันพยายามเข้าชมได้ แต่ฉันชอบการป้องกันเว็บฟิชชิ่งของ Norton มากกว่าเพราะมีความละเอียดที่มากกว่า
แพ็คเกจที่มีความคุ้มค่าที่สุดคือ Internet Security (US$39.00 / ปี) — ซึ่งให้การปกป้องครอบคลุม 5 อุปกรณ์และยังมี VPN ด้วย และแพ็คเกจ
สรุป:
TotalAV นั้นใช้งานง่ายมาก ๆ และก็มีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่หลากหลาย เราชอบเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับ Mac ของ TotalAV มาก ๆ มันสามารถเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมให้ Mac ของเราได้ และก็ยังมี VPN ที่ใช้งานได้ดี ความเร็วสูงบนทุกเซิร์ฟเวอร์อีกด้วย เราคิดว่าการป้องกันเว็บไซต์ของ Norton นั้นยังดีกว่าของ TotalAV อยู่ แต่ TotalAV ก็ยังถือว่าดีมากอยู่ แพ็กเกจของ TotalAV นั้นจะลดราคาในปีแรกให้เยอะมาก และการสั่งซื้อทั้งหมดนั้นก็จะมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
🥉3. Norton 360 —การรักษาความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ตที่ดีที่สุด
Norton 360 มีเครื่องมือป้องกันมัลแวร์ขั้นสูงที่มีอัตราการตรวจจับตัวอย่างมัลแวร์บน iMac ของฉันได้ 100% การสแกนของ Norton นั้นเร็วมากอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับแอนตี้ไวรัสอื่น ๆ เนื่องจากใช้เทคโนโลยีการแคชไฟล์เพื่อข้ามไฟล์ที่ถูกสแกนไปแล้ว ซึ่งคล้ายกับ Intego
Norton 360 ยังนำเสนอฟีเจอร์หลากหลายสำหรับ Mac ได้แก่:
- ส่วนขยายเบราว์เซอร์สำหรับการรักษาความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ต
- ไฟร์วอลล์อัจฉริยะ
- การตรวจสอบดาร์กเว็บ
- เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
- VPN (มีข้อมูลไม่จำกัด)
- เครื่องมือทำความสะอาด Mac
Norton นั้นมีส่วนขยายเบราว์เซอร์มากมายซึ่งรวมถึง “Safe Web” (ใช้งานได้กับ Safari, Edge และ Firefox) และ “Safe Search” (ใช้ได้เฉพาะกับ Chrome)
Safe Search ทำงานได้พอสมควร แต่มันไม่สามารถตรวจจับบางเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายได้ แต่ Safe Web ทำงานได้ยอดเยี่ยม สามารถตรวจจับเว็บฟิชชิ่งทั้งหมดในการทดสอบของฉันได้ รวมถึงบางเว็บไซต์ที่ Chrome และ Safari พลาด ไปด้วย
Norton Secure Browser นั้นจะมีการป้องกันเว็บไซต์ทั้งหมดของ Norton ติดตั้งมาในตัวแล้ว ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่สะดวกมาก ๆ สำหรับผู้ใช้งานที่ไม่ถนัดเรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยี เราชอบมากที่มันใช้งานกับ macOS เวอร์ชันเก่าอย่าง Catalina, Big Sur และ Monterey ได้ — ทำให้แม้แต่อุปกรณ์เก่า ๆ ก็สามารถใช้งานกับซอฟต์แวร์นี้ได้อย่างไม่มีปัญหา
เครื่องมือจัดการรหัสผ่านของ Norton ทำให้การเก็บรห้สผ่านทำได้ง่ายและจะคอยอัพเดทรหัสผ่านอยู่เสมอ มันอาจใช้งานได้ไม่ดีเท่ากับเครื่องมือจัดการรหัสผ่านแบบสแตนอโลนด์ แต่แน่นอนว่ามันเป็นหนึ่งในเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่มาพร้อมกับแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุด และฉันคิดว่ามันมีประโยชน์อย่างมาก เมื่อเทียบกับฟีเจอร์การเก็บรักษารหัสผ่านที่มีอยู่แล้วใน Safari
VPN ของ Norton ยังทำงานได้โดดเด่นมาก มันทั้งเร็ว ปลอดภัยและมีข้อมูลไม่จำกัด และยังรวมอยู่ในแผน 360 อีกด้วย สามารถเข้าถึงเว็บสตรีมมิ่งส่วนใหญ่และอนุญาตให้ดาวน์โหลดผ่านทางเซิร์ฟเวอร์ที่กำหนดเฉพาะได้ ข้อเสียเดียวคือมันบันทึกหมายเลข IP (คู่แข่งอย่างTotalAV นั้นไม่บันทึกข้อมูลของคุณ)
ในขณะที่ Norton นำเสนอฟีเจอร์ที่ดี แต่หลายฟีเจอร์กลับไม่สามารถทำงานได้บน Mac แดชบอร์ดเครื่องมือแสดงฟีเจอร์มากมาย แต่ฟีเจอร์เหล่านั้นไม่สามารถใช้งานได้บน Mac รวมถึงการควบคุมของผู้ปกครองและการสำรองข้อมูลบนคลาวด์ (ทั้งสองฟีเจอร์นี้ใช้ได้แค่บน Windows และมือถือเท่านั้น) ซึ่งมันน่ารำคาญมาก แต่คุณยังสามารถเข้าถึงฟีเจอร์การควบคุมการของผู้ปกครองบน Mac ผ่านทางเว็บไซต์ได้ สรุปแล้วบริการของ Norton เวอร์ชั่น Mac นั้นเป็นเพียงซอฟต์แวร์ PC ที่ถูกจำกัดของ Norton เท่านั้นเอง (ซึ่งเป็นแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดในปี 2024)
โดยรวมแล้ว แผน 360 ของ Norton ถือว่ามีความคุ้มค่าที่ดีสำหรับผู้ใช้ Mac มีราคาเริ่มต้นที่ US$39.99 / ปี*, Norton 360 Standard ครอบคลุม 3 อุปกรณ์ มีฟีเจอร์แอนตี้ไวรัสและการป้องกันบนเว็บ, เครื่องมือปรับปรุงอุปกรณ์, VPN, และเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
สรุป:
Norton 360 สำหรับ Mac นำเสนอการป้องกันมัลแวร์ที่มีประสิทธิภาพและเครื่องมือรักษาความปลอดภัยออนไลน์หลายอย่าง ฉันชอบส่วนขยายเบราว์เซอร์สำหรับการรักษาความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ตของ Norton ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิการป้องกันที่มีอยู่แล้วใน Safari และฉันยังชอบเครื่องมือจัดการรหัสผ่านและ VPN อย่างไรก็ตาม ฉันคิดว่า Norton ยังสามารถปรับปรุงซอฟต์แวร์ macOS ให้ดีได้มากกว่านี้ เนื่องจากตอนนี้มันเป็นเพียงบริการเวอร์ชั่น Windows ที่ถูกลดทอนความสามารถลงมาเท่านั้น (ที่มีคุณสมบัติหลายอย่างถูกปิดใช้งาน) อย่างไรก็ตาม Norton ยังนำเสนอระดับการป้องกัน Mac ที่สูงและคุณสามารถทดลองใช้ได้โดยไม่มีความเสี่ยงภายใน 60 วัน.
4. McAfee Total Protection — ซอฟต์แวร์ป้องกันมัลแวร์ & เพิ่มความปลอดภัยที่ดี
McAfee มีซอฟต์แวร์ป้องกันมัลแวร์ที่ดีสำหรับ Mac สามารถบล็อกตัวอย่างมัลแวร์ macOS และแรนซัมแวร์ที่ฉันทดสอบได้ แม้แต่ keyloggers และ spyware ก็สามารถตรวจจับได้ทั้งหมด แม้ว่าซอฟต์แวร์ macOS ของ McAfee จะไม่มีเครื่องมือเสริมหรือฟังก์ชันมากเท่ากับเวอร์ชัน Windows แต่มันยังมีฟีเจอร์ความปลอดภัยเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์
การป้องกันเว็บสำหรับ Mac นั้นทำงานได้ดีมาก McAfee สามารถป้องกันเว็บไซต์ที่อันตรายและเว็บฟิชชิ่งที่ฉันพยายามเข้าถึงในระหว่างการทดสอบได้สำเร็จ การป้องกันเว็บในตัวสามารถใช้งานได้บน Safari เท่านั้น แต่ยังมีส่วนขยายเบราว์เซอร์สำหรับ Chrome, Firefox, และ Edge ด้วย ถึงแม้ว่าส่วนขยายเหล่านี้ไม่มีฟีเจอร์มากเท่าเวอร์ชัน Safari แต่ก็สามารถบล็อกเว็บไซต์ที่อันตรายได้ดี
คุณยังได้รับฟีเจอร์เพิ่มเติมหลายอย่าง และฟีเจอร์ทั้งหมดยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับฟีเจอร์ความปลอดภัยในตัว macOS ได้อีกด้วย:
- การป้องกันมัลแวร์แบบเรียลไทม์
- การสแกนไวรัสตามเวลาที่กำหนด
- ไฟร์วอลล์เครือข่าย
- เครื่องมือป้องกันเว็บ
- ป้องกันเว็บฟิชชิ่ง
- VPN (มีข้อมูลไม่จำกัด)
- เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
- การป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนตัว
เราชอบไฟร์วอลล์ของ McAfee เป็นพิเศษ เพราะว่ามันใช้งานได้ดีกว่าไฟร์วอลล์ที่ติดมาในตัวของ macOS ผู้ใช้งานที่ไม่ถนัดด้านเทคนิคนั้นจะสามารถตั้งค่าและจัดการไฟร์วอลล์ McAfee ได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่ผู้ใช้งานขั้นสูงก็จะสามารถปรับแต่งการตั้งค่าไฟร์วอลล์สำหรับความปลอดภัยของเครือข่ายได้ ฟีเจอร์อย่างการปรับแต่งการตั้งค่าความเชื่อถือสำหรับเครือข่ายที่บันทึกเอาไว้ และการขึ้นบัญชีขาวสำหรับแต่ละโปรแกรมจะเพิ่มความสมดุลระหว่างการควบคุมและความปลอดภัยให้กับคุณ การตรวจจับซอฟต์แวร์บุกรุกนั้นจะยิ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเครือข่ายยิ่งขึ้นไปอีก ทำให้ไฟร์วอลล์ของ McAfee นั้นดีกว่าไฟร์วอลล์ที่ติดมาในตัวของ macOS อย่างเห็นได้ชัด
การป้องกันการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคลรวมถึงเครื่องมือจัดการรหัสผ่านของ McAfee นั้นต่างก็เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ และก็ดีมากที่ McAfee จัดให้แพลนต่าง ๆ สามารถใช้งานมันได้ บริการป้องกันการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคล เปิดให้บริการใน 30+ ประเทศ มันจะเฝ้าระวังข้อมูลบ่งชี้ส่วนบุคคล (PII) ที่หลากหลายผ่านการเฝ้าระวัง dark web และเครือข่ายเครดิตของ Experian มันจะทำการแจ้งเตือนหากข้อมูล PII ของคุณถูกละเมิด และมันจะบอกคุณว่าคุณต้องทำอย่างไรเพื่อปกป้องข้อมูลของคุณ McAfee Advanced จะเพิ่มฟีเจอร์อย่าง Personal Data Cleanup (การทำความสะอาดดิสก์ส่วนตัว), Lost Wallet Protection (การป้องกันกระเป๋าสตางค์สูญหาย) และ Security Freeze (การแช่แข็งความปลอดภัย)
เครื่องมือจัดการรหัสผ่านนั้นจะมีอยู่ในแพลน Total Protection ภายใต้ชื่อว่า True Key ซึ่ง True Key นั้นมีความปลอดภัยที่ดีใช้ได้ และก็มีการเข้ารหัสที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องข้อมูลล็อกอินของคุณ และมันก็จะซิงค์ข้อมูลไปยังหลาย ๆ อุปกรณ์ ได้อย่างแม่นยำอีกด้วย เราเห็นว่าการสร้างรหัสผ่านที่มีความปลอดภัยนั้นเป็นเรื่องง่ายมาก ๆ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ามันจะมีฟีเจอร์การจัดการรหัสผ่านขั้นพื้นฐานที่ดี แต่มันก็ยังขาดฟีเจอร์สำคัญซึ่งเครื่องมือจัดการรหัสผ่านแบบสแตนด์อโลนที่ดีที่สุดสำหรับ Mac นั้นมีให้ อย่างเช่นการแชร์รหัสผ่านอย่างปลอดภัยและการตรวจสอบความแข็งแกร่งรหัสผ่าน
McAfee Total Protection ให้การป้องกันครอบคลุมถึง 5 อุปกรณ์ในแผน Plus (US$39.99 / ปี) อย่างไรก็ตามคุณสามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์ไม่จำกัดในแผน Premium (US$49.99 / ปี) และ Advanced (US$89.99 / ปี) และคุณยังสามารถใช้กับอุปกรณ์ Windows, Android, และ iOS และเข้าถึงฟีเจอร์อื่น ๆ ในแผนบริการ (ที่ไม่สามารถใช้ได้กับ macOS) แผนบริการทั้งหมดของ McAfee มาพร้อมกับการรับประกันการคืนเงินภายใน 30 วัน
สรุป:
McAfee มีซอฟต์แวร์ป้องกันมัลแวร์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งสามารถป้องกันมัลแวร์ที่เน้นโจมตี Mac ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฉันชอบไฟร์วอลล์ของ McAfee อย่างมากและฟีเจอร์เพิ่มเติมของบริการยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตที่ดีมากอีกด้วย McAfee Total Protection Plus ครอบคลุมได้ถึง 5 อุปกรณ์ (รวมถึง PC และสมาร์ทโฟน) ในขณะที่อีกสองแผนบริการที่แพงกว่าอนุญาตให้ใช้กับอุปกรณ์ไม่จำกัด McAfee ยังนำเสนอส่วนลดปีแรกจำนวนมากและมาพร้อมกับการรับประกันการคืนเงินภายใน 30 วันอีกด้วย
5. Bitdefender — การป้องกันแรนซัมแวร์ macOS ที่ยอดเยี่ยม
Bitdefender มีเครื่องมือป้องกันมัลแวร์ขั้นสูง ซึ่งใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตรวจจับก่อนที่จะทำลาย ฉันทดสอบบริการด้วยแรนซัมแวร์และมัลแวร์ที่ออกแบบมาสำหรับ macOS และ Bitdefender สามารถได้บล็อกทั้งหมด บริการใช้สแกนเนอร์บนคลาวด์ทำให้นี่เป็นหนึ่งในแอนตี้ไวรัสสำหรับ mac ที่ขนาดเล็กที่สุด
Bitdefender ยังมีเพิ่มเติมที่น่าสนใจอีกมากมาย ได้แก่:
- การป้องกัน Time Machine
- VPN (ข้อมูล 200 MB ต่อวันต่ออุปกรณ์) มีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ในมากกว่า 50 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย
- ความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ต
- การควบคุมโดยผู้ปกครอง
- การปรับปรุงระบบ
- เครื่องมือบล็อกโฆษณา
- ฟีเจอร์ป้องกันติดตาม
เรารู้สึกประทับใจมาก ๆ กับ Time Machine Protection (การป้องกันแบบไทม์แมชชีน) ของ Bitdefender ซึ่งจะช่วยป้องกันไฟล์สำรองของคุณไม่ให้ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อทำการเข้ารหัสไฟล์เหล่านั้น — ดังนั้นถึงแม้ว่าแรนซัมแวร์จะจู่โจมใส่ระบบของคุณ คุณก็สามารถกู้คืนระบบและไฟล์ทั้งหมดได้ด้วยการโหลดไฟล์สำรองในไทม์แมชชีนล่าสุด
อย่างไรก็ตาม ฉันคิดว่าเครื่องมือสำรองข้อมูลของ Intego นั้นทำงานได้ดีกว่า เนื่องจากมีตัวเลือกการปรับแต่งมากกว่าและใช้งานง่ายกว่า
ฟีเจอร์ความปลอดภัยบนเว็บของ Bitdefender ก็ใช้งานได้ดีเช่นกัน ในการทดสอบของฉัน ฟีเจอร์เหล่านี้สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นกับ Safari และแสดงให้ฉันเห็นว่าลิงก์เว็บไซต์ใดที่ปลอดภัยหรือเป็นอันตราย ซึ่งเบราว์เซอร์ Safari ไม่สามารถทำได้ นอกจากนี้ยังบล็อกเว็บไซต์ปลอมทั้งหมดที่ฉันพยายามเข้าถึง รวมถึงเว็บที่คู่แข่งอย่าง Panda และ Kaspersky ไม่สามารถระบุได้ นอกจากนี้ฉันยังชอบวิธีที่ Bitdefender ทำให้การเพิ่มเว็บไซต์ปลอดภัย (ถ้าคุณแน่ใจ 100%!) ทำได้อย่างง่ายดาย
ฉันยังชอบ VPN ของ Bitdefender อีกด้วย มันเป็นหนึ่งใน VPN ที่เร็วที่สุดและมีขนาดเล็กที่สุดในรายการนี้ แต่มันจำกัดการใช้งานเพียง 200 MB ต่อวันต่ออุปกรณ์ในแผนส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยมากสำหรับการใช้งานอินเตอร์เน็ต และน้อยเกินกว่าจะใช้สตรีมวิดีโอได้ นอกจากนี้ VPN เวอร์ชันฟรียังไม่อนุญาตให้คุณเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่คุณต้องการเชื่อมต่ออีกด้วย (คุณจะถูกเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้ที่สุดกับตำแหน่งของคุณ)
Bitdefender มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่เป็นประโยชน์อื่น ๆ ด้วยเช่นกัน รวมถึงการควบคุมสำหรับผู้ปกครองและฟีเจอร์ป้องกันติดตามที่เป็นประโยชน์ แต่มันเหมือนกับแอนตี้ส่วนใหญ่ตรงที่ฟีเจอร์เพิ่มเติมเหล่านี้ไม่สามารถใช้กับ Mac แต่ถ้าคุณยังสามารถใช้กับ PC, Android, หรือ iPhone ได้ คุณสามารถเลือกแผนบริการที่อนุญาติให้ใช้งานได้ในหลายอุปกรณ์เพื่อให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ที่นำเสนอได้อย่างเต็มที่
Premium Security (US$69.99 / ปี) เป็นแผนที่มีความคุ้มค่าที่สุดของ Bitdefender คุณสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ทั้งหมดของ Bitdefender ได้ รวมถึงการจัดการรหัสผ่านเต็มรูปแบบ VPN ที่ไม่มีข้อจำกัดและความครอบคลุมสำหรับ 10 อุปกรณ์ Bitdefender Total Security (US$40.99 / ปี) ยังถือว่ามีความคุ้มค่ามาก แต่มันมาพร้อม VPN ที่มีข้อจำกัดและการจัดการรหัสผ่านและครอบคลุมเพียง 5 อุปกรณ์เท่านั้น
Bitdefender ยังนำเสนอแผนฟรีสำหรับ Mac อีกด้วย ซึ่งเป็นแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดในปี 2024 ของเรา ด้วยเครื่องมือป้องกันมัลแวร์ขั้นสูงเดียวกันกับเวอร์ชันพรีเมี่ยม แต่อย่างไรก็ตามมันไม่มีฟีเจอร์พรีเมียมอื่น ๆ หรือการป้องกันแบบเรียลไทม์ มันดีต่อการค้นหาและลบมัลแวร์ที่มีอยู่ในอุปกรณ์ Mac ของคุณอย่างเดียวเท่านั้น แผนพรีเมี่ยมของ Bitdefender มาพร้อมกับการคืนเงินภายใน 30 วัน
สรุป:
Bitdefender นำเสนอการป้องกันมัลแวร์และแรนซัมแวร์สำหรับ macOS ที่ดีมาก เครื่องมือความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ตใช้งานได้ดี การป้องกัน Time Machine ช่วยเก็บไฟล์ของคุณปลอดภัยในกรณีที่แรนซัมแวร์โจมตีและ VPN ของบริการก็เป็นหนึ่งในบริการที่ดีที่สุดในตลาด Bitdefender มีแผนให้เลือกมากมายและคุณสามารถทดลองใช้งานได้โดยไม่มีความเสี่ยงด้วยการคืนเงินภายใน 30 วัน
อ่านรีวิว Bitdefender ฉบับเต็ม >
6. MacKeeper — การจัดการความปลอดภัยที่ทำได้ง่าย
MacKeeper ถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับ Macs ใช้งานง่ายและมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่เป็นเอกลักษณ์ที่สุดที่ฉันเคยทดสอบมา
เครื่องสแกนแอนตี้ไวรัสของบริการทำงานได้ดีมาก สามารถตรวจจับตัวอย่างมัลแวร์ส่วนใหญ่ในการทดสอบของฉันได้ ซึ่งมัลแวร์ทั้งหมดถูกนำออกจากระบบของฉันได้ทันที สิ่งที่ฉันชอบเกี่ยวกับ MacKeeper คือมันไม่ทำให้อุปกรณ์ของฉันช้าลงระหว่างการสแกนระบบ ดังนั้นฉันสามารถทำงาน ดูวิดีโอและเรียกใช้โปรแกรมที่ใช้ CPU มากๆ โดยไม่มีการช้าหรือขัดข้องเลย
MacKeeper ยังมี:
- VPN (พร้อมข้อมูลไม่จำกัด)
- เครื่องมือปิดกั้นโฆษณาและลิงก์ติดตาม
- การตรวจสอบการละเมิดข้อมูล
- เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพและการทำความสะอาด Mac
ฟีเจอร์ความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตของ MacKeeper นั้นใช้งานง่ายมาก ๆ VPN นั้นสามารถสั่งใช้งานได้ภายในคลิกเดียวผ่านทางแดชบอร์ดของ MacKeeper และที่สำคัญที่สุดก็คือมันใช้งานได้ดี — มันมีความเร็วดี มีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่กว้างขวาง ใช้งานกับเว็บไซต์สตรีมมิ่งชั้นนำได้ และก็มีข้อมูลไม่จำกัด ตัวบล็อกโฆษณาและลิงก์ติดตามนั้นก็ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพดีด้วย มันสามารถบล็อกโฆษณาและลิงก์ติดตามได้เป็นร้อย ๆ ภายในเวลาไม่กี่นาทีระหว่างการทดสอบของเรา และมันก็ใช้งานเข้ากับ Safari ได้อย่างไร้รอยต่อ
ฉันยังชอบฟีเจอร์ตรวจสอบการละเมิดข้อมูลของ MacKeeper อีกด้วย ฉันสามารถตรวจสอบได้ว่าบัญชีออนไลน์ที่เชื่อมโยงกับอีเมลของฉันได้ถูกแฮกหรือไม่ แอนตี้ไวรัสส่วนใหญ่นำเสนอการตรวจสอบการละเมิดข้อมูลบางประเภท แต่ก็มักเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมถ้าคุณต้องการตรวจสอบอีเมลหลายๆ อันหรือหากต้องการรับการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ ดังนั้นฟีเจอร์นี้ของ MacKeeper นั้นดีกว่าบริการแอนตี้ไวรัสหลาย ๆ บริการ
อย่างไรก็ตาม MacKeeper ขาดฟีเจอร์ที่สำคัญมากๆ ไป โดยเฉพาะไฟร์วอลล์และการป้องกันเว็บฟิชชิ่ง ซึ่งทั้งสองฟีเจอร์นี้มีให้ใช้งานใน Intego และบริการยังขาดฟีเจอร์ความปลอดภัยที่สำคัญและมีประโยชน์ที่แอนตี้ไวรัสยอดนิยมอื่น ๆ นำเสนอ เช่นการควบคุมของผู้ปกครองและเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน นอกจากนี้บริการยังมีราคาแพงกว่าหลาย ๆ บริการอีกด้วย ทั้ง ๆที่มีฟีเจอร์ที่มีน้อยกว่า
แผนทั้งหมดของ MacKeeper มีฟีเจอร์เหมือนกันหมด แต่ราคาแตกต่างกันขึ้นอยู่กับระยะเวลาการสมัครสมาชิกและจำนวนอุปกรณ์ที่คุณต้องการใช้งาน คุณสามารถเลือกสมัครสมาชิกรายเดือนสำหรับ 1 อุปกรณ์ Mac ในราคา(US$10.95 / เดือน) สมัครสมาชิกรายปีสำหรับ 1 อุปกรณ์ Mac ในราคา (US$57.12 / ปี) และสมัครสมาชิกรายปีสำหรับ 3 อุปกรณ์ Mac ในราคา (US$71.52 / ปี) แผนทั้งหมดมาพร้อมกับการรับประกันการคืนเงิน 14 วัน
สรุป:
MacKeeper มีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ใช้งานได้ง่ายมากมาย รวมถึง VPN, เครื่องมือบล็อกเกอร์โฆษณาและลิงก์ติดตาม, และการตรวจสอบการละเมิดข้อมูล เครื่องสแกนแอนตี้ไวรัสใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถตรวจจับไฟล์มัลแวร์ส่วนใหญ่ระหว่างการทดสอบโดยไม่ทำให้ระบบช้าลง MacKeeper เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีและผู้ใช้ที่ต้องการโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ใช้งานได้ง่ายและไม่ต้องการการปรับแต่งใด ๆ คุณสามารถทดลองใช้ MacKeeper ได้โดยไม่มีความเสี่ยงด้วยการรับประกันการคืนเงิน 14 วัน
อ่านรีวิว MacKeeper ฉบับเต็ม >
7. Avira Free Antivirus for Mac — แอนติไวรัสฟรีสำหรับ Mac ที่ดีที่สุด
Avira Free Antivirus for Mac มีเครื่องสแกนมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยม สามารถตรวจจับมัลแวร์ทุกตัวที่ฉันดาวน์โหลดมาบน MacBook ได้ การสแกนระบบเต็มใช้เวลาไม่เกิน 40 นาที (เร็วกว่าคู่แข่งหลาย ๆ ราย) และไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบของฉันเลย แม้ฉันจะใช้ซอฟต์แวร์แก้ไขวิดีโอที่ใช้ CPU มากในขณะเดียวกันก็ตาม ในขณะที่คู่แข่งอย่าง McAfee ทำให้ระบบช้าลงเมื่อฉันทำการสแกนเต็มระบบ
Avira นำเสนอฟีเจอร์จำนวนมากในแผนฟรี:
- การป้องกันมัลแวร์แบบเรียลไทม์
- ป้องกันเว็บฟิชชิงและป้องกันการติดตาม
- VPN (500 MB ต่อเดือน)
- เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
- เครื่องมือปรับปรุงระบบเบื้องต้น
การป้องกันการฟิชชิงและการป้องกันการติดตามของ Avira นั้นใช้งานได้ดีมาก ๆ มันสามารถตรวจจับเว็บไซต์ฟิชชิงส่วนใหญ่ที่เราพยายามเปิดได้ และมันก็ช่วยป้องกันไม่ให้ทางบริษัทต่าง ๆ มาติดตามดูข้อมูลของเราขณะท่องเว็บได้อีกด้วย การป้องกันเหล่านี้จะสามารถใช้งานได้ผ่านส่วนขยายเบราว์เซอร์ของ Avira ซึ่งก็ใช้งานได้ดีมาก ๆ ข้อเสียก็คือส่วนขยายนี้ไม่มีให้ใช้งานกับ Safari — มันสามารถใช้ได้กับ Chrome, Firefox และ Opera เท่านั้น
เครื่องมือจัดการรหัสผ่านของ Avira นั้นดีมาก ทำงานได้ดีเทียบเท่ากับเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ดีที่สุดและดีกว่าเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน Keychain ของ Apple เลยด้วย เครื่องมือจัดการรหัสผ่านของ Avira ช่วยให้คุณเก็บรหัสผ่านได้ไม่จำกัด ปกป้องข้อมูลผู้ใช้ด้วยการเข้ารหัส AES 256-bit และมาพร้อมกับฟีเจอร์เพิ่มเติมเช่นการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA) การยืนยันตัวตนด้วยภาพหรือลายนิ้วมือ (บนมือถือ) และการตรวจสอบความปลอดภัยของรหัสผ่าน (เฉพาะเวอร์ชันพรีเมียม)
นอกจากนี้เราก็รู้สึกชอบ VPN ของ Avira ด้วย — ตอนที่เราทดสอบเพื่อใช้งานนั้น VPN รายนี้ก็ทำให้เราสามารถใช้งานได้อย่างมีความเป็นส่วนตัว รวดเร็ว และเสถียร อย่างไรก็ตาม VPN ฟรีของ Avira นั้นจะถูกจำกัดให้ใช้ข้อมูลได้เพียง 500 MB ต่อเดือนในแพลนระดับฟรี ซึ่งก็เพียงพอสำหรับใช้ท่องอินเทอร์เน็ตได้แค่ 6—7 ชั่วโมงต่อเดือนหรือดูรายการทีวีได้แค่ 1 ตอนเท่านั้น (ซึ่งก็น้อยมาก!) อย่างไรก็ตาม มันมีให้อัปเกรดไปใช้ข้อมูลไม่จำกัดได้ในแพ็กเกจ Prime ซึ่งก็จะมีฟีเจอร์อื่น ๆ ที่มีประโยชน์ให้ใช้อีกเยอะเลยด้วย
Avira Free Antivirus for Mac มีฟีเจอร์พื้นฐานทั้งหมด แต่ผู้ใช้ที่ต้องการฟีเจอร์เพิ่มเติมควรพิจารณาอัพเกรดเป็นแผน Avira Prime ซึ่งมี VPN ที่มีข้อมูลไม่จำกัด, เครื่องมือปรับปรุงและทำความสะอาด Mac ขั้นสูง, เครื่องมือลบตัวติดตาม, แอปพลิเคชั่นบนมือถือและความครอบคลุมสำหรับสูงสุด 5 อุปกรณ์ ในราคา US$59.99 / ปี นอกจากนี้ Avira Prime ยังมีการรับประกันคืนเงินที่ยาวนานถึง 60 วันอีกด้วย
สรุป:
Avira Free Antivirus for Mac เป็นแอนตี้ไวรัสฟรีสำหรับ Mac ที่ฉันชอบที่สุด บริการมีเครื่องสแกนมัลแวร์ที่ดีมาก พร้อมกับการป้องกันฟิชชิงและการติดตามที่ยอดเยี่ยม ฉันยังชอบ VPN ของ Avira มากด้วย แต่มันถูกจำกัดไว้แค่ 500 MB ต่อเดือนซึ่งเพียงพอสำหรับดูรายการทีวี 1 ตอนเท่านั้น ผู้ใช้ที่ต้องการ VPN ที่มีข้อมูลไม่จำกัดควรพิจารณาแผน Avira Prime แทนซึ่งยังเพิ่มฟีเจอร์ปรับปรุง Mac ขั้นสูง, เครื่องมือทำความสะอาด, ความครอบคลุมสำหรับสูงสุด 5 อุปกรณ์และอื่น ๆ อีกมากมาย
8. Panda Dome Essential for Mac — ตัวเลือกที่ดีสำหรับมือใหม่
Panda Dome Essential for Mac มีการป้องกันมัลแวร์บน Mac ที่ดี ระบบตรวจจับมัลแวร์สามารถจับมัลแวร์ในการทดสอบของฉันได้มากกว่า 98% (พลาดไฟล์สปายแวร์ที่ซับซ้อนและโทรจันหนึ่งไฟล์ ซึ่งคู่แข่งชั้นนำอย่าง Intego, TotalAV, และ Norton ตรวจพบได้ทั้งหมด)
แอป macOS ของบริการนั้นเรียบง่ายและใช้งานได้ง่าย ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับมือใหม่ที่ไม่มีความรู้ทางเทคนิค
อย่างไรก็ตาม ฉันผิดหวังกับเวลาที่ ใช้ในการสแกนระบบ คู่แข่งอื่น ๆ สามารถทำการสแกนได้ภายใน 2 ชั่วโมงหรือน้อยกว่า แต่ Panda ใช้เวลามากกว่า 8 ชั่วโมงในการทำการสแกนระบบเต็มรูปแบบและเนื่องจากมันไม่ใช้เทคโนโลยีการแคชไฟล์เช่น Intego หรือ Norton การสแกนทุกครั้งใช้เวลาเท่าเดิม! อย่างไรก็ตามคุณสามารถตั้งค่าให้ Panda ทำการสแกนเมื่อคุณไม่ใช้คอมพิวเตอร์ของคุณได้ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมาก
Panda มีฟีเจอร์เพิ่มเติมเพียงไม่กี่อย่างสำหรับผู้ใช้ Mac:
- การป้องกันมัลแวร์แบบเรียลไทม์
- การป้องกันเว็บฟิชชิ่ง
- VPN (150 MB ต่อวัน) ที่มีเซิร์ฟเวอร์ใน 80 ประเทศ และมีเซิร์ฟเวอร์ในประเทศไทยด้วย
การป้องกันการฟิชชิงของ Panda นั้นก็ถือว่าโอเค แต่เราไม่ค่อยประทับใจกับ VPN สักเท่าไร การป้องกันการฟิชชิงนั้นสามารถบล็อกเว็บไซต์ฟิชชิงส่วนใหญ่ที่เราพยายามเปิดเข้าไประหว่างการทดสอบได้ ซึ่งก็ดีพอ ๆ กับแบรนด์อื่น ๆ ในรายการนี้ อย่างไรก็ตาม VPN นี้จำกัดให้ใช้ข้อมูลได้น้อยมากเพียง 150 MB ต่อวัน (ซึ่งก็เพียงพอสำหรับใช้ท่องเว็บพื้นฐานเท่านั้น) และมันก็ไม่เปิดให้คุณเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่คุณต้องการจะเชื่อมต่ออีก — หมายความว่าคุณจะไม่สามารถเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้คุณที่สุดได้ ทำให้ความเร็วตกลงไปอย่างชัดเจน
ทั้งหมดนี้คือฟีเจอร์ที่มาพร้อมกับแอป macOS ของ Panda ฉันคิดว่ามันค่อนข้างน่าผิดหวัง อย่างไรก็ตามยังมีเครื่องมือตรวจสอบการละเมิดข้อมูลฟรีและเครื่องมือสร้างรหัสผ่านที่ปลอดภัย ซึ่งทั้งสองอย่างนี้สามารถใช้งานได้ฟรีผ่านเว็บไซต์ Panda
ถ้าคุณเลือกแผน Panda Dome Complete หรือสูงกว่าคุณจะได้เครื่องมือจัดการรหัสผ่านไปใช้งานด้วย มันสามารถใช้งานได้กับ Mac ผ่านแอปเว็บและถ้าคุณใช้ PC คุณจะสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ทั้งหมดที่ใช้งานได้บน Windows ของ Panda ซึ่งทำให้มีความคุ้มค่ามากขึ้น
Panda นำเสนอแผนบริการที่หลากหลาย เริ่มต้นด้วย Panda Dome Essential (US$20.00 / ปี) ซึ่งมีเครื่องสแกนมัลแวร์, การป้องกันเว็บฟิชชิ่งและ VPN ที่มีข้อมูลจำกัด แผน Panda Dome Complete (US$36.00 / ปี) มีเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน สามารถใช้งานได้บน PC, Android, และ iOS ทำให้เป็นแผนที่มีความคุ้มค่าที่สุดหากคุณต้องการปกป้องอุปกรณ์หลาย ๆ เครื่อง
หากเกรดเป็นแผน Panda Dome Premium for Mac (US$56.00 / ปี) คุณจะได้รับ VPN ที่ไม่มีข้อจำกัดข้อมูล (และคุณสามารถเลือกเซิร์ฟเวอร์ได้) สามารถปกป้องอุปกรณ์หลากหลายในระบบปฏิบัติการทั้งหมด อย่างไรก็ตาม VPN นั้นใช้งานได้ไม่ได้ดีเท่ากับ VPN ที่ดีที่สุด หรือแม้กระทั่ง VPN ที่รวมมากับแอนตี้ไวรัสอื่น ๆ ดังนั้นมันไม่คุ้มค่าสำหรับราคาที่สูงขึ้นสักเท่าไหร่ แต่ถ้าคุณต้องการทดลองใช้งาน Panda แผนทั้งหมดมีการรับประกันคืนเงิน 30 วัน
สรุป:
Panda Dome Essential for Mac ให้การป้องกันที่ดีต่อมัลแวร์ที่เน้นโจมตีอุปกรณ์ Mac บริการมีการป้องกันเว็บฟิชชิ่งและ VPN ที่จำกัดข้อมูล การอัปเกรดเป็นแผน Panda Complete จะเพิ่มเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน ในขณะที่ Panda Premium มาพร้อมกับ VPN ที่ไม่มีข้อจำกัด และให้การปกป้องอุปกรณ์จำนวนมากและให้คุณเข้าถึงฟีเจอร์อื่น ๆ ที่ไม่สามารถใช้งานได้ใน Mac แผนบริการทั้งหมดของ Panda มาพร้อมกับการรับประกันคืนเงิน 30 วัน
9. Kaspersky — การป้องกันมัลแวร์สำหรับ macOS ที่ดี
แอนตี้ไวรัสสำหรับ mac ของ Kaspersky ทำงานได้ดีในการทดสอบของฉัน มันตรวจจับได้มากกว่า 95% ของตัวอย่างมัลแวร์ที่ฉันดาวน์โหลดลงบน iMac ทดสอบของฉัน นอกจากนี้ยังทำได้เร็วมาก ใช้เวลาเพียง 45 นาทีในการสแกนเต็มรูปแบบในระหว่างการทดสอบของฉัน ซึ่งทำได้เร็วกว่าหลาย ๆ บริการในรายการนี้ รวมถึง Bitdefender
Kaspersky ยังมี:
- การป้องกันแบบเรียลไทม์
- การป้องกันเว็บและการช้อปปิ้งออนไลน์ที่ปลอดภัย
- การป้องกันเว็บแคม
- VPN (ข้อมูลไม่จำกัด) ที่มีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ในกรุงเทพฯ
- ป้องกันเว็บฟิชชิ่ง
- เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
เราชอบฟีเจอร์ช้อปปิ้งออนไลน์อย่างปลอดภัยของ Kaspersky มันช่วยให้เราชำระเงินเพื่อซื้อของออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยจากมือของแฮ็กเกอร์ การป้องกันการฟิชชิงนั้นก็ใช้งานได้ดีมากเช่นกัน มันสามารถบล็อกเว็บไซต์ปลอมส่วนใหญ่ที่เราลองเข้าระหว่างการทดสอบได้ Kaspersky นั้นมีแอป macOS เป็นภาษาไทย และส่วนขยายเบราว์เซอร์ของมันก็ใช้งานกับ Safari รวมถึง Chrome และ Firefox ได้อีกด้วย
ฉันยังประหลาดใจที่เห็นว่า Kaspersky มีการป้องกันเว็บแคมสำหรับผู้ใช้ Mac อีกด้วย นี่เป็นเพียงไม่กี่โปรแกรมสำหรับ Mac ที่มีการป้องกันการถูกแฮกเว็บแคม Kaspersky นอกจากนี้ยังมีคีย์บอร์ดเสมือน ซึ่งเป็นวิธีที่ดีในการหลีกเลี่ยง keyloggers และเป็นสิ่งที่ไม่กี่บริการนำเสนอ
อย่างไรก็ตาม Kaspersky ขาดสิ่งสำคัญบางอย่างไป ตัวอย่างเช่น ฉันไม่ชอบที่เครื่องมือจัดการรหัสผ่านขาดการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA) ไม่เหมือนกับ Norton นอกจากนี้การสแกนความเสี่ยงแอปพลิเคชันที่มีเพื่อค้นหาแอปที่ไม่มีการอัพเดทและเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ไม่สามารถตรวจจับแอปทดสอบของฉันได้และเครื่องมือตรวจสอบดาร์กเว็บก็ทำงานได้ไม่ดีพอและตรวจสอบเพียงไม่กี่รายการเท่านั้น แต่ฟีเจอร์นี้ของ Norton สามารถสแกนดาร์กเว็บหาข้อมูลใบขับขี่ หมายเลขประกันสุขภาพ หมายเลขบัญชีธนาคารและข้อมูลอื่น ๆ อีกมากมายได้ด้วย
แพ็คเกจที่คุ้มค่าที่สุดคือ Kaspersky Premium (US$38.99 / ปี) ซึ่งครอบคลุม 3-20 อุปกรณ์ในทุกแพลตฟอร์ม มาพร้อมกับเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ใช้งานได้ดี VPN ที่มีข้อมูลไม่จำกัดและการควบคุมของผู้ปกครองที่ยอดเยี่ยม (แต่คุณต้องจ่ายเงินเพิ่มหากต้องการต่ออายุการใช้งานหลังจากปีแรก) แผนทั้งหมดมาพร้อมกับการรับประกันการคืนเงินภายใน 30 วัน
สรุป:
Kaspersky นำเสนอการป้องกันที่ดีให้ผู้ใช้ Mac และมีเครื่องมือความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตที่เหมาะสม มีการป้องกันการช้อปปิ้งออนไลน์ การป้องกันเว็บแคมและ VPN (ที่มีข้อมูลไม่จำกัด) คุณสามารถทดลอง Kaspersky โดยไม่มีความเสี่ยงด้วยการรับประกันการคืนเงินภายใน 30 วัน
อ่านรีวิว Kaspersky เต็มรูปแบบ >
10. Malwarebytes — โปรแกรมแอนตี้ไวรัสสำหรับ mac ที่ใช้งานได้ง่าย
Malwarebytes สำหรับ Mac มาพร้อมกับเครื่องมือสแกนมัลแวร์ที่ดี พร้อมการป้องกันแบบเรียลไทม์และการป้องกันเว็บ แต่ไม่มีอะไรเพิ่มเติมนอกจากนั้น ในการทดสอบของฉัน Malwarebytes ตรวจจับมัลแวร์ที่ฉันดาวน์โหลดมายังคอมพิวเตอร์ Mac ของฉันได้ประมาณ 90% ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ดี แต่ไม่ดีเท่ากับ Intego, Norton, หรือ TotalAV
เมื่อพูดถึงการป้องกันเว็บ Malwarebytes ทำงานได้ดีในการบล็อกเว็บฟิชชิ่ง และยังสามารถลบโฆษณาและป้องกันตัวติดตามโฆษณาจากการเก็บข้อมูลของฉันได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามการป้องกันเว็บนี้มีให้ใช้เป็นส่วนเสริมของเบราว์เซอร์ฟรีสำหรับ Safari, Chrome, Firefox, และ Edge เท่านั้น Malwarebytes มีการป้องกันเว็บสำหรับแอป Windows เท่านั้น และฉันอยากเห็นมันถูกนำมาใช้ในแอป Mac ด้วย
Malwarebytes ใช้งานได้ง่ายมาก ดังนั้นมันเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่กำลังมองหาวิธีง่าย ๆ ในการป้องกัน Mac จากมัลแวร์ แต่มันขาดคุณสมบัติหลาย ๆ อย่างที่ฉันคาดหวังในแอนตี้ไวรัสระดับพรีเมียมไป รวมถึงไฟร์วอลล์ การตรวจสอบการละเมิดข้อมูล เครื่องมือปรับปรุงอุปกรณ์ การควบคุมของผู้ปกครองและเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
Malwarebytes Premium มีราคาเริ่มต้นที่ US$44.99 / ปี สำหรับอุปกรณ์ Mac 1 เครื่อง (คุณสามารถเลือกแผนที่ครอบคลุม 5 อุปกรณ์ในทุกระบบปฏิบัติการได้) แม้ว่าฉันจะชอบซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่มีคุณสมบัติเพิ่มเติม แต่ Malwarebytes ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความปลอดภัยพื้นฐานเท่านั้น มันยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีอีกด้วย แต่ฉันคิดว่า TotalAV หรือ Avira เหมาะกับคนที่เพิ่งหัดใช้แอนตี้ไวรัสมากกว่า
นอกจากนี้ยังมีแผน Premium + Privacy ซึ่งเพิ่ม VPN ที่ดีในราคา US$59.99 / ปี VPN นี้มีข้อมูลไม่จำกัด มีความเร็วสูงและเซิร์ฟเวอร์ในมากกว่า 30 ประเทศ แต่มันไม่สามารถเข้าถึงแอปสตรีมมิงยอดนิยมและไม่อนุญาตให้ดาวน์โหลดทอร์เรนต์ได้ อย่างไรก็ตามถ้าคุณต้องการแอนตี้ไวรัสสำหรับ mac ธรรมดา ๆ ที่มี VPN ธรรมดา ๆ แต่มีข้อมูลไม่จำกัดสำหรับการใช้งานทั่ว ๆ ไป Malwarebytes อาจเหมาะกับคุณ ทุกแผนของ Malwarebytes มาพร้อมกับการรับประกันคืนเงิน 60 วัน
สรุป:
Malwarebytes เป็นโปรแกรมป้องกันไวรัส mac ที่เรียบง่ายที่มาพร้อมการป้องกันมัลแวร์ที่ดี มันมีส่วนเสริมเบราว์เซอร์ฟรีสำหรับป้องกันเว็บฟิชชิ่งและบล็อกโฆษณาและมี VPN ที่ดี มันไม่ใช่ตัวเลือกที่ไม่ดีสำหรับผู้ใช้มือใหม่ แต่ยังมีตัวเลือกที่เหมาะกับผู้เริ่มต้นมากกว่า Malwarebytes รับประกันการซื้อบริการทั้งหมดด้วยการรับประกันคืนเงิน 60 วัน
อ่านรีวิว Malwarebytes ฉบับเต็ม >
โบนัส Sophos — โปรแกรมป้องกันไวรัสที่ใช้งานได้ง่ายสำหรับผู้ใช้ Mac
Sophos เป็นแอนตี้ไวรัสที่ดีสำหรับ mac แต่ยังมีสิ่งที่ควรปรับปรุง ระบบสแกนมัลแวร์ของมันทำงานได้ดีในการทดสอบของฉัน และกำจัดตัวอย่างมัลแวร์ส่วนใหญ่จาก MacBook Air ของฉันได้ มันยังสามารถหยุดแรนซัมแวร์ที่ฉันจำลองขึ้นมาและป้องกันฉันจากการดาวน์โหลดไฟล์ที่มีมัลแวร์สำหรับ Mac ถึงหมื่น ๆ ตัวได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม Sophos สำหรับ Mac ขาดคุณสมบัติขั้นสูงหลายอย่างที่มีในเวอร์ชัน Windows ไป ตัวอย่างเช่น มันไม่มีระบบตรวจจับภัยคุกคามด้วย AI และการป้องกันการขโมยข้อมูลและมันมีเครื่องมือควบคุมของผู้ปกครองที่ธรรมดามาก ดังนั้นมันไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับครอบครัวสักเท่าไหร่ ในทางกลับกัน Intego มีฟีเจอร์การกรองเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมและสามารถหยุดการส่งข้อความที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมไปยังลูกหลานของคุณได้
อย่างไรก็ตาม Sophos สำหรับ Mac ใช้งานง่ายมาก แดชบอร์ดออนไลน์ของบริการช่วยให้ฉันสามารถกำหนดตารางและเริ่มการสแกนมัลแวร์ได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าฉันจะไม่อยู่ที่คอมพิวเตอร์ก็ตาม และฉันชอบมากที่ฉันสามารถควบคุมการป้องกันในอุปกรณ์ iOS ของฉันจากระยะไกลได้
โดยรวม Sophos เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมหากคุณต้องการการป้องกันมัลแวร์พื้นฐาน และต้องการความง่ายในการใช้งาน แต่ถ้าต้องการมากกว่านี้คุณควรหาตัวเลือกอื่นที่มีในตลาด หากคุณต้องการลองใช้ Sophos แผน premium ของมันมีราคาเริ่มต้นที่ US$44.99 / ปี และสามารถครอบคลุมอุปกรณ์ PC และ macOS ได้ถึง 10 เครื่อง แต่ละแผนมาพร้อมกับการทดลองใช้ฟรี 30 วันและการรับประกันการคืนเงิน 30 วัน
สรุป:
Sophos สำหรับ Mac ให้การป้องกันมัลแวร์และแรนซัมแวร์ที่ดี แต่มันขาดคุณสมบัติขั้นสูงหลายอย่างที่มีให้ใช้ใน Windows การควบคุมการของผู้ปกครองยังทำงานได้ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่เมื่อเทียบกับเครื่องมือการควบคุมของผู้ปกครองอื่น ๆ ในตลาด อย่างไรก็ตามมันมีแดชบอร์ดที่ใช้งานง่ายบนเว็บทำให้มันเข้าถึงได้ง่ายและใช้งานง่ายมากสำหรับมือใหม่ ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาแอนตี้ไวรัสสำหรับ mac ธรรมดา ๆ และง่ายต่อการใช้งานเพื่อป้องกัน Mac ของคุณ Sophos เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้มันยังนำเสนอการทดลองใช้ฟรี 30 วันและการรับประกันการคืนเงิน 30 วัน
การเปรียบเทียบแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Mac ใน 2024
หมายเหตุจากบรรณาธิการ: Intego และเว็บไซต์นี้อยู่ในกลุ่มบริษัทที่มีเจ้าของเดียวกัน
วิธีเลือกแอนตี้ไวรัสสำหรับ Mac ที่ดีที่สุดในปี 2024
- เลือกบริการที่มีป้องกันมัลแวร์แบบเรียลไทม์ การป้องกันนี้มีความสำคัญมากสำหรับการรักษาความปลอดภัยของ Mac ของคุณ ฉันได้ทดสอบแอนตี้ไวรัสทั้งหมดในรายการนี้ และพบว่าทุกโปรแกรมทำงานได้ดีในการตรวจจับและกำจัดมัลแวร์ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับ Mac เช่น ไวรัส, โฆษณาที่ไม่พึงประสงค์, และแรนซัมแวร์
- เลือกโปรแกรมที่มีการสแกนไวรัสและมัลแวร์ขั้นสูง บางแอนตี้ไวรัสมีตัวเลือกการสแกนที่เร็วขึ้นหรือสามารถปรับแต่งได้มากกว่า ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่คุณต้องการพิจารณาเมื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีเครื่องมือสแกนไวรัสและมัลแวร์ที่มีคุณภาพ ในการทดสอบของฉัน ฉันได้ติดตั้งตัวอย่างมัลแวร์ 1,000 ตัวลงบน Mac ของฉันก่อนที่จะทำการสแกน และมีแค่ซอฟต์แวร์ที่สามารถตรวจจับและกำจัดภัยคุกคามเหล่านี้เท่านั้นที่ได้รับการนำเสนอในรายการนี้
- เลือกแอนตี้ไวรัสที่มีการป้องกันเว็บ เว็บฟิชชิ่ง เว็บไซต์ปลอม และภัยคุกคามอื่น ๆ บนอินเทอร์เน็ตเป็นวิธีที่แฮ็คเกอร์ใช้เพื่อพยายามเข้าถึงอุปกรณ์ของคุณและขโมยข้อมูลส่วนตัวของคุณ บางครั้งเว็บไซต์ปลอมและเว็บฟิชชิ่งนี้ดูเหมือนจริงมาก แม้แต่คนที่รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีก็ยังสามารถตกเป็นเหยื่อได้ การเลือกแอนตี้ไวรัสที่มีการป้องกันเว็บฟิชชิ่งและเครื่องมือป้องกันเว็บอื่น ๆ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันภัยคุกคามเหล่านี้ แต่ต้องตรวจสอบว่าโปรแกรมที่คุณเลือกสามารถใช้งานร่วมกับเบราว์เซอร์ที่คุณชื่นชอบได้หรือไม่ เครื่องมือเหล่านี้มักเป็นส่วนขยายของเบราว์เซอร์ และไม่ใช่ทุกแอนตี้ที่มีส่วนขยายเบราเซอร์
- เลือกแอนตี้ไวรัสที่ง่ายต่อการติดตั้งและใช้งาน พิจารณาจากระดับความชำนาญของคุณ เนื่องจากบางแอนตี้ไวรัสเหมาะกับมือใหม่มากกว่า ในขณะที่บางตัวเหมาะกับผู้ใช้ที่มีความรู้ทางเทคนิคมากกว่า ฉันขอแนะนำให้คุณเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีการทดลองใช้ฟรีหรือการรับประกันการคืนเงิน เพื่อให้แน่ใจว่ามันเหมาะสมกับคุณก่อนที่จะตัดสินใจใช้ระยะยาว
- ตรวจสอบฟีเจอร์เพิ่มเติมที่เสนอ มีฟีเจอร์เพิ่มเติมหลายอย่างที่มาพร้อมกับแอนตี้ไวรัส ในปัจจุบัน เช่น เครื่องมือทำความสะอาดและปรับปรุงระบบ, VPN (เครือข่ายส่วนตัวเสมือน), การป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนบุคคล, เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน, การควบคุมโดยผู้ปกครองและอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ฟีเจอร์เหล่านี้สามารถทำงานได้แตกต่างกันไปตามผลิตภัณฑ์ ดังนั้นต้องแน่ใจว่าคุณเลือกแอนตี้ไวรัสที่มีฟีเจอร์ที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณ เช่น บาง VPN อาจมีข้อมูลจำกัดต่อวันหรือเดือน ซึ่งอาจเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป แต่จะไม่เพียงพอหากคุณใช้งานตลอดทั้งวัน หรือเครื่องมือจัดการรหัสผ่านอาจจำกัดจำนวนรหัสผ่านที่คุณสามารถเก็บได้ หรือไม่สามารถซิงค์ข้ามอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่คุณใช้ ซึ่งมันอาจไม่มีประโยชน์เท่าไหร่ หรือการควบคุมของผู้ปกครองอาจมีให้บริการในแผนพรีเมียมระดับสูงสุดที่คุณอาจไม่จำเป็นต้องใช้
- ดูความคุ้มค่าโดยรวม เช่นเดียวกับคุณสมบัติและฟังก์ชันที่แตกต่างกันระหว่างแอนตี้ไวรัสทั้งหมดในรายการนี้ ราคาก็แตกต่างกัน แต่อย่าเลือกจากราคาเท่านั้น บางแอนตี้ไวรัสอาจดูแพง แต่เมื่อคำนวณจากฟีเจอร์ทั้งหมดที่นำเสนอ มันอาจมีความคุ้มค่าโดยรวมมากกว่าบริการอื่น ๆ เช่น การป้องกันมัลแวร์แบบเรียลไทม์, VPN ที่มีคุณภาพดีและไม่จำกัดข้อมูล, โปรแกรมจัดการรหัสผ่านที่ให้คุณบันทึกได้ไม่จำกัด, เครื่องมือปรับปรุงประสิทธิภาพอุปกรณ์และการป้องกันการขโมยตัวตนและประกัน คุณอาจต้องสมัครบริการแยกกัน หรืออาจมีนำเสนอรวมอยู่ในแผนบริการอยู่แล้ว
แบรนด์ยอดนิยมที่ไม่ผ่านเกณฑ์
- ESET แม้ว่า ESET จะมีการป้องกันมัลแวร์ที่ดีและมีฟีเจอร์หลาย ๆ อย่างสำหรับอุปกรณ์ Windows และ Android แต่สำหรับ macOS คุณภาพการให้บริการไม่เทียบเท่ากับ “แอนตี้ไวรัสสำหรับ mac” อื่น ๆ ในรายการของฉัน นอกจากนี้ ESET ยังไม่มีแอปสำหรับ iOS อีกด้วย
- Trend Micro Trend Micro เป็น “แอนตี้ไวรัสสำหรับ mac” ที่ดีแต่ยังขาดฟีเจอร์บางอย่างที่แอนตี้ไวรัสระดับพรีเมียมมีและ VPN ของบริการก็ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่
- Webroot Webroot ใช้งานได้ง่ายและมีฟีเจอร์ที่ดี แต่ในการทดสอบของฉัน มันไม่สามารถตรวจจับมัลแวร์สำหรับ Mac ได้เยอะกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในรายการ
- Avast Avast มีการป้องกันที่ดีสำหรับ Mac แต่ต้องตั้งค่าหลาย ๆ อย่าง ทำให้กระบวนการยุ่งยากกว่าซอฟต์แวร์อื่นๆ แม้ว่ามันจะมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ดี แต่ความยุ่งยากในการตั้งค่าทำให้การใช้งานยากขึ้นมาก
- Clario Clario เป็นแอนตี้ไวรัสที่ครอบคลุม มาพร้อมกับอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย แต่การป้องกันเว็บฟิชชิ่งของมันใช้งานได้ไม่ดีเท่ากับการป้องกันเว็บฟิชชิ่งที่มากับ Safari
- BitMedic BitMedic นั้นมีการป้องกันขั้นพื้นฐาน พร้อมกับอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย แต่ฟีเจอร์ที่มีสำหรับ Mac นั้นค่อนข้างจะจำกัดเมื่อเทียบกับแอนตี้ไวรัสตัวอื่น ๆ ในรายการนี้ มันขาดฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูงต่าง ๆ เช่น VPN หรือการป้องกันการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคล ทำให้มันดูน่าสนใจน้อยลงสำหรับคนที่มองหาตัวเลือกความปลอดภัยแบบครบวงจร
คำถามที่พบบ่อย
Mac ต้องการแอนตี้ไวรัสเพิ่มเติมหรือไม่
ใช่ Mac มีความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีทางไซเบอร์มากขึ้น เนื่องจากแฮกเกอร์ได้พัฒนา (และยังคงพัฒนา) มัลแวร์สำหรับ Mac หากอุปกรณ์ Mac ของคุณไม่ได้รับการป้องกันซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัส คุณอาจมีความเสี่ยงต่อการโจมตีและการสูญเสียข้อมูลทั้งหมด
นอกจากนี้ คุณต้องระวังเมื่อดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่เชื่อถือได้และถูกต้อง หากซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสของคุณไม่มีประสิทธิภาพ คุณไม่สามารถวางใจในผลิตภัณฑ์ที่ไม่สามารถปกป้องคุณได้ ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสทั้งหมดในรายการนี้มีการป้องกันที่ดีสำหรับคอมพิวเตอร์ Mac มีเครื่องสแกนมัลแวร์ที่มีประสิทธิภาพ มีการป้องกันความปลอดภัยต่างๆ ใช้งานง่ายและมีความคุ้มค่า
ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสจะทำให้ Mac ของฉันทำงานช้าลงหรือไม่
ไม่ ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่ดีจะไม่ทำให้ Mac ของคุณช้าลง Intego มีขนาดเล็ก ไม่รบกวน และไม่ทำให้เกิดการช้าลงในการทดสอบของฉัน นอกจากนี้ยังนำเสนอการสแกนมัลแวร์ตามลำดับความสำคัญที่จะใช้ทรัพยากรของ Mac ของคุณน้อยลง ทำให้คุณยังคงทำกิจกรรมต่าง ๆ ต่อไปได้ในขณะที่ได้รับการปกป้องจากมัลแวร์ไปด้วย
ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสใดที่ดีที่สุดสำหรับ Mac
Intego เป็นซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสสำหรับ Mac ที่ฉันชื่นชอบมากที่สุดในปี 2024. มันถูกออกแบบมาสำหรับ macOS มีราคาไม่แพงและมีเครื่องมือด้านความปลอดภัยและการปรับปรุงประสิทธิภาพ Mac ที่น่าประทับใจ
Mac มีซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่ติดตั้งมาในระบบปฏิบัติการแล้วหรือไม่
Mac มีฟีเจอร์ความปลอดภัยติดตั้งมาในระบบอยู่แล้ว ได้แก่:
- การตรวจสอบแอป ตรวจสอบความถูกต้องของแอปจาก Apple Store ก่อนดาวน์โหลด
- Gatekeeper สแกนแอปเพื่อค้นหาโค้ดที่ไม่น่าไว้ใจก่อนเปิดใช้งาน
- การป้องกันเว็บ บล็อกเว็บไซต์ที่ไม่น่าไว้ใจและลิงก์ติดตามบน Safari
- เครื่องมือป้องกันการโจรกรรม ช่วยคุณติดตาม Mac และอุปกรณ์ iOS หากสูญหายหรือถูกขโมย
แม้ว่าคุณสมบัติเหล่านี้จะมีประโยชน์ แต่ยังไม่เพียงพอที่จะป้องกัน Mac จากแรนซัมแวร์ สปายแวร์ แอดแวร์และมัลแวร์ขั้นสูงอื่น ๆ ที่แฮกเกอร์ใช้เพื่อตรวจสอบและขโมยข้อมูลของคุณ
macOS ล่าสุดยังไม่มีการสแกนมัลแวร์แบบเรียลไทม์ การป้องกันแรนซัมแวร์ เครื่องมือปรับปรุงประสิทธิภาพ Mac หรือการป้องกันเว็บฟิชชิ่งขั้นสูง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการติดตั้ง ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่ออกแบบมาสำหรับ macOS เช่น Intego สามารถช่วยปกป้องคุณได้ 100%
ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสสำหรับ Mac ไหนมีการป้องกันเว็บฟิชชิ่งที่ดีที่สุด
TotalAV มีการป้องกันเว็บฟิชชิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ Mac เครื่องมือ WebShield ฟรีถูกออกแบบมาเพื่อบล็อกเว็บฟิชชิ่งและมัลแวร์ออนไลน์ และมันทำงานได้ดีกว่าการป้องกันที่ติดตั้งมาใน Chrome และ Firefox มันใช้รายการเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายและใช้ระบบตรวจจับ AI เพื่อตรวจจับความเสี่ยง นอกจากนี้ TotalAV ยังนำเสนอตัวเลือกการปรับแต่งที่อนุญาตให้คุณบล็อก URL เฉพาะหรือสร้างรายการโดเมนที่ปลอดภัยได้อีกด้วย
แต่เครื่องมือนี้ไม่สามารถใช้ได้บน Safari แต่คุณสามารถใช้เครื่องมือ TotalAV Safe Site แทนถ้าคุณใช้ Safari มันไม่ทำงานได้ดีเท่ากับ WebShield ในการทดสอบของฉัน แต่มันยังคงใช้งานได้ดีมากพอสมควร นอกจากนี้ฉันแนะนำให้ดาวน์โหลด Chrome บน Mac ของคุณและเลือก WebShield มาใช้ซะ
วิธีการระบุซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส Mac ปลอม
การระบุซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส Mac ปลอมนั้นทำได้ง่าย ขั้นแรก ตรวจสอบความถูกต้องของซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการและหลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสจากป๊อปอัปหรืออีเมล ขั้นที่สองซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่น่าเชื่อถือเช่น Intego จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติด้านความปลอดภัยอย่างละเอียดและมีความคิดเห็นจากผู้ใช้ ขั้นที่สาม ระวังซอฟต์แวร์ที่สร้างการแจ้งเตือนที่ต้องการให้คุณดำเนินการทันที (เช่น ป๊อปอัปที่บอกว่า Mac ของคุณติดไวรัส) นี่เป็นเทคนิคที่ทำให้คุณตื่นตระหนก สุดท้ายซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่ดีจะต้องไม่ถูกมากเกินไป ดังนั้นหากข้อเสนอดูดีเกินไป มันอาจจะเป็นของปลอมก็ได้
มีซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสฟรีสำหรับ Mac หรือไม่
ใช่ Avira นำเสนอซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสฟรีที่ดีสำหรับผู้ใช้ macOS แต่ควรจำไว้ว่าซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสฟรีมี “เงื่อนไข” เสมอ โดยทั่วไปแล้วบริษัทเหล่านี้ต้องการให้คุณอัปเกรดเป็นแผนชำระเงิน
หากคุณไม่มีข้อมูลที่ละเอียดอ่อนบน Mac ของคุณ ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสฟรีจะทำงานได้ดี แต่ถ้าคุณเก็บรายละเอียดบัตรเครดิต รายละเอียดการเข้าสู่ระบบ เอกสารงาน รูปภาพและโครงการต่าง ๆ บน Mac ของคุณ ฉันแนะนำให้ใช้เงินซื้อ ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส Mac ระดับพรีเมียมที่มีราคาไม่แพงเช่น Intego มาใช้ดีกว่า
แอนตี้ไวรัส Mac ของฉันควรจะต้องมี VPN ด้วยไหม?
การมี VPN ติดมากับแอนตี้ไวรัส Mac นั้นเป็นเรื่องที่ดีเพื่อความปลอดภัยแบบรอบด้าน VPN หรือเครือข่ายส่วนตัวเสมือน จะทำการเข้ารหัสออนไลน์ทราฟฟิคของคุณ ดังนั้นมันจะสามารถซ่อนที่อยู่ IP และป้องกันไม่ให้บุคคลที่สามอย่างเช่นแฮ็กเกอร์หรือผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตมาสอดแนมคุณได้ นี่เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นพิเศษเวลาที่คุณเชื่อมต่อไปใช้เครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งจะทำให้ข้อมูลของคุณนั้นเปราะบางที่สุด
ถึงแม้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่แอนตี้ไวรัสจะต้องมี VPN แต่การมีทั้งสองสิ่งในแพ็กเกจเดียวกันก็จะช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยทางออนไลน์ให้คุณได้ นอกจากนี้ การมี VPN บันเดิลมากับซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสนั้นก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ประหยัดและสะดวกขึ้นแทนการไปเลือกสมัครหลายบริการแยกกันก็เป็นได้ ดังนั้นเวลาที่คุณเลือกแอนตี้ไวรัสสำหรับ Mac ของคุณ การเลือกตัวที่มี VPN ให้มาด้วยอย่างเช่น TotalAV หรือ Norton ก็จะเป็นตัวเลือกที่ฉลาดกว่า